สังคมผู้สูงอายุ
ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ผู้สูงวัยกำลังเพิ่มขึ้นจนน่ากังวล
หลายฝ่ายเตรียมมาตรการรับมือภาวะผู้สูงอายุล้น คนทำงานหดหาย
แต่นั่นก็เป็นภาพใหญ่ ๆ ที่อาจดูห่างไกล แต่…ตัวผู้สูงวัยเอง
เขาก็เตรียมตัวเหมือนกัน หลายคนที่เข้าสู่วัยเกษียณ ไม่ยอมหยุดอยู่ที่วัยเกษียณ
บางคนกลับใช้ช่วงเกษียณสร้างความท้าทายที่ตรงข้ามกับวัย และ พี่เบนสไมล์ หรือ คุณสมชาย จงนรังสิน
ชายวัย 66 ปี ที่ยังฟิตและเฟิร์ม กับการปั่นจักรยานทางไกล Audax
จุดเริ่มต้นของความคิด
พี่เบน บอกว่า คิดมาตั้งแต่อายุ 50 กว่า ๆ เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะเกษียณ อยากใช้ชีวิตอิสระ
เมื่อหมดภาระหน้าที่การงาน พี่เบนก็เริ่มต้นปั่นจักรยาน เริ่มแรกแค่ 1-2
กิโลเมตรก็เหนื่อยแล้ว แต่ปั่นไปก็ดูคนที่ปั่นผ่านเรา ปั่นได้เร็ว ปั่นได้เก่ง คิดไปว่าสักวันหนึ่งเราต้องทำได้แบบเขา
พยายามไปเรื่อย ๆ จาก 1 เพิ่มไป 2 ไปจนถึง 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร
เพิ่มขึ้นไปตามลำดับ ตอนนั้นเพื่อน ๆ ยังไม่เกษียณ เราเกษียณก่อน
ก็เริ่มต้นคนเดียว เริ่มจากจักรยานเสือภูเขาราคาไม่แพงมาก
แต่ถ้าถามย้อนกลับไป
พี่เบนจบและทำงานมาในเส้นทางเกี่ยวกับการบิน ขณะทำงานไม่เคยมีความคิดเรื่องการออกกำลังกาย
เพราะเวลาทำงานก็เครียด เหนื่อยก็อยากพักผ่อนสบาย ๆ ชอบดื่ม ชอบบันเทิง
ไม่ได้คิดเรื่องดูแลสุขภาพเพราะคิดว่าร่างกายแข็งแรงดีอยู่แล้ว ซึ่งก็ถือว่าโชคดีที่ร่างกายในตอนนั้นก็ไม่มีโรคภัย
แต่พอเกษียณแล้วก็ค่อยมาคิดเรื่องออกกำลังกาย
ตอนนี้เดพราะความมีวินัย มีความมานะพยายาม ต้องซ้อม และความตั้งใจจริงจัง
พี่เบนก็ทำได้
“จำได้ว่า
พอฝึกปั่นจักรยานมาได้สัก 2 เดือน มีงานปั่น 100 กิโลเมตร ไปพระนครศรีอยุธยา
เราก็ทำได้ ความมั่นใจก็เกิดขึ้น จากนั้นก็เพิ่มไป 200-300 กิโลเมตร จากนั้น
ก็จัดกันเองกับเพื่อน ๆ ปั่นไปถึงหาดจอมเทียน พัทยา มา กทม.ร่วม 300 กิโลเมตร”
พี่เบนเล่า
สำหรับการแข่งขันปั่นจักรยานทางไกล
Audax พี่เบนอธิบายว่า คือ การแข่งขันกับตัวเอง ที่ต้องตั้งเป้าระยะทางและเวลา เพราะจะมีเช็กพอยท์ที่ต้องเข้าไปเช็กก่อนเวลาปิด
ซึ่งในระยะทาง 200 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง ถ้า 300 กิโลเมตร
ก็ต้องใช้เวลาไม่เกิน 20 ชั่วโมง ส่วน 400 กิโลเมตร ก็ต้องใช้เวลา 27 ชั่วโมง
ระยะทาง 600 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน 40 ชั่วโมง และในระยทาง 1,000 กิโลเมตร
จะใช้เวลา 75 ชั่วโมง ซึ่งต้องรู้จักการบริหารเวลาของตัวเอง ว่าเวลานี้ต้องปั่นด้วยความเร็วเท่าไหร่
เพื่อให้ทันเช็กพอยท์
“Audax เป็นการแข่งขันเพื่อเอาชนะตัวเอง
ไม่ได้แข่งขันกับใคร ก็ต้องวางแผนว่าจะปั่นอย่างไร จะปั่นเร็วหรือช้า
ที่จะดีกว่ากัน คงจะระบุขนาดนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน
ต้องวางแผนเรื่องเวลาและเผื่อเวลาในสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น ยางรั่ว เพราะถ้าเราไม่เผื่อเวลา
จะกลายเป็นสภาพปั่นหนีตายเพื่อเข้าให้ทัน” พี่เบน
อธิบายเพิ่มเติม
พี่เบน
เล่าต่อไปอีกว่า การแข่งล่าสุดระยะทาง 600
กิโลเมตร โหดมากเรื่องเวลา เพราะสนามที่ผ่าน ๆ มาจะเลือกเวลาปล่อยตัวที่ 07.00
น.เพื่อให้ได้นอนเต็มที่ แต่ครั้งนี้ จากอุทัยธานีไปเขื่อนภูมิพล เริ่มต้นเวลา
20.00 น.ก็กลายเป็นต้องปั่นจักรยานในเวลาที่ต้องนอน แต่ไม่ได้นอน
ปั่นไปก็สะสมการไม่ได้นอนไปด้วย ก็จะเพลีย แล้วมาเจอกับฝนตก เส้นทางก็เป็นขึ้น ๆ ลง ๆ เขา จึงต้องอาศัยการนอนข้างทาง
เมื่อถามถึงการแข่งขันที่ทำให้ประสบอุบัติเหตุ
พี่เบ่นเล่าว่า ในการแข่งขัน 1,000 กิโลเมตร จาก สนามบินสุวรรณภูมิไปตราด
พอออกจากสนามบินเวลา 07.00 น. ปั่นไปตามเส้นทาง ฝนก็ตก ประมาณ 200
กว่ากิโลเมตรก็มีรถกระบะมาชนท้ายจักรยาน ก็กระเด็นสไลด์ไปไกล รถเสียหาย และตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องออกจากการแข่งขัน
แต่…ก็ไม่ได้หยุดแค่วันนั้น
“ลูกชายเป็นหมอ
มีรายได้ค่อนข้างดี เพราะคนไข้เข้ามาเยอะ เพราะเขาไม่ดูแลสุขภาพที่ดี ก็ทำให้เราคิดว่า
เราต้องดูแลตัวเองให้ดี เงินที่หามาทั้งชีวิตจะมาใช้ในบั้นปลายชีวิตให้มีความสุข
ไม่ใช่นำมาให้หมอให้โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวเรา
นี่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เราลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ในหนึ่งสัปดาห์จะวางแผนว่า
ไปวิ่ง 2 วัน ที่สวนหลวง ร.9 ไปว่ายน้ำวันละ 2 กิโลเมตร 2 วัน ที่สระของการกีฬาแห่งประเทศไทย
ปั่นจักรยานวันละ 100 กิโลเมตรสบาย ๆ อีก 2 วัน ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ไปออกทริปกับเพื่อน
ๆ”
ล่าสุด
พี่เบนอัพเดทว่า ตอนนี้เตรียมตัวฟิตร่างกายลงแข่งไตรกีฬา ยืนยันเสียงหนักแน่นว่าพร้อมประมาณ
90% แล้ว พี่เบนบอกย้ำอีกว่า ก็บอกตัวเองตลอดว่า ไม่ได้แข่งกับใคร
แค่แข่งกับตัวเอง ตอนนี้ ก็อายุ 66 แล้ว ก็เชื่อว่า การมีวินัยกับตัวเอง
มีเป้าหมายในชีวิตวัยเกษียณ เมื่อปลดปล่อยจากทุกอย่าง หมดภาระหน้าที่
ก็หันมาดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพ ไม่เครียด ทุกอย่างก็จะดี
#มโนฮาสาเร่ #คลื่นความคิด