มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “superboy project” เฟ้นหา SBFIVE รุ่น 2 โดยเตรียมออกอากาศส่งตรงจากลิโด้คอนเน็ค ผ่านช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 น.-16.00 น. เริ่ม 22 กันยายนนี้ ซึ่งนอกจาก “พชร์ อานนท์” จะมาให้สัมภาษณ์ในฐานะฮันเตอร์ ยังเปิดใจถึงเรื่องเด็กในสังกัด “นิก คุณาธิป” ที่ออกมาโพสต์ทวงคืนสัญญาตอบโต้กันไปมาดุเดือดในโซเชียล
อยากให้พูดถึงประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น
“จริงๆ เราก็ไม่มีอะไรหรอกนะครับ ทำงานนี้ตามปกติ เดินสายออกหาเด็กตามต่างจังหวัดกับโปรเจ็กต์นี้ แต่อยู่ดีๆ ก็มีข่าวออกมา และมันทำให้เรางงมาก เพราะมันไม่จำเป็นที่จะต้องพูดตรงนั้นเลย เขาสามารถคุยกับเราโดยตรงได้ แต่กลับออกมาโพสต์โน่นโพสต์นี่ เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ซึ่งทุกอย่างก็เป็นตามข่าวเลยครับ”
หลายๆ ข้อที่เขาพาดพิงเรา จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร
“คือเรื่องของสัญญามันไม่ได้ยกเลิกกันง่ายๆ ไม่อย่างนั้นดาราเมืองไทยถ้าหากจะยกเลิกสัญญา ก็คงออกมาโวยวายและคืนสัญญากันหมดแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ไง เพราะเรามีสัญญากันอยู่ และเราเองก็ไม่เคยทำผิดสัญญาด้วย”
พอจะบอกได้ไหมว่าเขามีสัญญากับเราทั้งหมดกี่ปี
“เขาเซ็นกับเราทั้งหมด 5 ปี แต่ 5 ปีแรกมันหมดไปแล้ว และเขาก็เซ็นใหม่ ซึ่งสัญญาใหม่เขาเพิ่งจะผ่านไปแค่ 2 ปี ยังเหลืออีก 3 ปีครับ”
มีข่าวออกมาว่าปิดกั้นช่องทางการติดต่อของเขาทุกช่องทาง เขาก็เลยต้องโพสต์แบบนั้น
“เขาก็รู้จักบ้านเรานะ และทำไมคนอื่นยังติดต่อเราได้ล่ะ มันมีหนทางที่จะเจอเราได้อยู่แล้ว บ้านเราไม่ได้ย้ายไปไหนเลย แถมตัวเขาเองก็ยังไปบ้านเราบ่อย อย่างเวลาไปเปลี่ยนชุดออกงาน หรือไปแต่งหน้าทำผม เขาก็ไปทำที่บ้านเราประจำ ถ้าหากเขาจะไปบ้านเราจริงๆ เขาก็ไปได้”
สาเหตุที่อยู่ดีๆ เขาอยากขอคืนสัญญา มันเกิดปัญหาอะไรขึ้น
“มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ เพราะเราเองก็ไม่ได้ผิดสัญญากับเขา เราทำทุกอย่างถูกต้องทั้งหมด 7 ปี ให้งานหนังเขาไปแสดง 13 งาน แถมยังมีงานโฆษณา และงานอื่นซึ่งถือว่าเยอะมาก”
ตัวเขาเองเคยพูดถึงเรื่องการยกเลิกสัญญาก่อนหน้านี้ไหม
“ไม่เคยเลยครับ ไม่เคยเลย”
คนมองว่าเป็นเพราะเรื่องเงิน
“ไม่ใช่หรอก ต้องคิดดูด้วยนะเขาทำงานกับเรามาทั้งหมด 7 ปี เราให้เงินเขาไปประมาณเกือบ 10 ล้าน ถ้ารวมหนังเรื่องหนึ่ง และเงินแสนกว่าบาทแบบนี้ เอ่อ…มันไม่ใช่ ถ้าเราจะโกง เราโกงตั้งแต่ 10 ล้านเลยไม่ดีเหรอ จะมาโกงอะไรกับเงินแสนกว่าบาท ซึ่งการที่มาบอกว่าเราโกงเงิน มันไม่ใช่”
ตัวเราเองคิดว่าเพราะเหตุผลอะไรถึงทำให้เขาอยากยกเลิกสัญญา
“ต้องไปถามเขาเองมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา”
ครั้งล่าสุดที่คุยกันยังไงบ้าง
“ก็คุยกันเรื่องการมาโปรเจ็กต์ซูเปอร์บอยนี่ล่ะครับ เพราะเราก็มาคุยกับคุณโอ๋เจ้าของงานให้ ถามเขาว่าจะเอานิกมาด้วยได้ไหม คิดไม่แพงหรอก 30,000 บาท ซึ่งคุณโอ๋เขาก็บอกว่า เอามาเลย เอามาช่วยกัน แต่พอเรากลับไปถามเขาว่าจะมาไหม เขาก็บอกว่าเขาไม่ไปเพราะเขาติดเรียน เราก็เลยโอเค ไม่เป็นไร แต่ตอนนั้นเราแค่สงสารเขา เห็นเขาอยู่ว่างๆ ก็อยากให้มาด้วยกัน ไม่ได้บังคับอะไรเขาอยู่แล้ว”
เรื่องที่เขามีแฟน มีผลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
“การที่เขามีแฟนเราไม่ได้ห้ามเลยนะ แต่เขาก็ต้องเลือกคนที่เขาคบด้วยหรือเปล่า เพราะถ้าหากคบแล้วดึงเขาลง ก็อย่าไปคบ แต่ถ้าคบแล้วทำให้เขาดีขึ้น ก็คบต่อไป ที่ผ่านมา 7 ปี เขาก็มีแฟนมาแล้ว 2-3 คน ซึ่งเราก็ไม่เคยจะว่าหรือจะอะไรเลย”
หลายคนมองว่าแฟนเขาอาจจะเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้
“อันนี้เราไม่รู้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง เพราะเราก็ทำงานของเราตามปกติ”
จากข้อมูลที่ออกมาทั้งฝั่งเราและฝั่งเขา เหมือนจะไม่ตรงกันสักเท่าไร
“ถ้าเขาบอกว่าเราแต่งเรื่อง ก็แสดงว่าเราตอแหลแล้วแหละ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้แต่งเรื่องเลย เราพูดความจริงทุกอย่าง อย่างเรื่องที่เขาบอกว่าเราไม่ได้จ่ายเงิน เราก็ต้องชี้แจง ทุกอย่างมันคือการชี้แจงมากกว่า ว่าเราไม่ได้จ่ายตรงไหนหรืออะไรเป็นยังไง คือเราอธิบายทุกอย่างได้หมด เพราะเรามีหลักฐาน เราทำงานเป็นบริษัท”
เห็นว่าทางเขาเองก็สำนึกผิดและอยากจะขอโทษเราด้วย
“สำนึกผิดหรือเปล่าอันนี้เราก็ไม่รู้ แต่ตอนที่เขาเอาทนายความมา เราก็ได้คุยกับทนายความเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน และตอนนี้ก็เป็นเรื่องของทนายความแล้วที่จะฟ้องหรือไม่ฟ้อง แต่เห็นทนายบอกว่าฟ้องเรียบร้อยแล้ว”
แสดงว่าทางเราเองก็จะไม่หยุดเหมือนกัน
“เราหยุดไม่ได้ จริงๆ เราก็ไม่ได้จะไม่หยุดด้วย เพราะเราหยุดมาตั้งนานแล้ว เราไม่ได้ยุ่งอะไรกับใครเลย แต่ในเมื่อเขามากล่าวหาพี่เสียๆ หายๆ เราก็ต้องฟ้อง เพราะเราถูกหมิ่นประมาท”
เหมือนเขาบอกว่าขอไม่เอาเงินทั้งหมดที่ค้างอยู่ แต่ขอเอาสัญญาคืน
“เราจะไปค้างเขาเรื่องอะไร เพราะมันเป็นค่าตัวที่เราจะต้องจ่ายอยู่แล้ว ถูกต้องไหม และที่เราจ่ายไปมันก็รวมอยู่ในค่าตัวอยู่แล้วด้วย เขาเล่นหนัง 10 คิว ก็ค่าตัว 500,000 บาท ถูกต้องไหม แต่ที่เมื่อก่อนได้มากกว่านั้นก็เพราะคิวเขาเยอะ แต่ตอนนี้คิวเขาน้อยลง”
ตามข่าวที่ออกมาเหมือนว่าเราค้างค่าตัวอยู่เกี่ยวกับหนังเรื่องสงกรานต์
“อ๋อ มันไม่ใช่ครับ อันนั้นคือความเข้าใจผิดกันแล้วครับ”
ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาหรือไกล่เกลี่ยใช่ไหม
“คือเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาต้องเข้ามาเจรจากับเรานะ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ในสัญญาเราก็ป้อนงานทุกอย่าง มีงานทุกอย่าง ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต้องมาเคลียร์กับเรา ไม่ใช่ให้เราไปเคลียร์กับเขา”
ในอนาคตถ้านิกเดินเขามาคุยด้วยตัวเองล่ะ
“คงไม่แล้วล่ะ เพราะเราให้ทนายความจัดการหมดแล้ว คือเราจะไม่ยุ่งแล้วไง เราต้องทำงาน ต้องมาร่วมงานกับที่นี้เขา ก็ไม่อยากให้มันมีปัญหาอะไร”
แสดงว่าตอนนี้ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้แล้วใช่ไหม
“ต้องถามทนาย เพราะตอนนี้พูดอะไรเยอะไม่ได้ เรื่องมันอยู่ที่ศาลแล้วครับ”
จะไม่ร่วมงานกันแล้วใช่ไหม
“ไม่ร่วมแล้วครับ”
ถ้าเขามาขอไกล่เกลี่ย จะยอมไหม
“ต้องคุยกันที่ศาลแล้วครับ เพราะว่าเรื่องมันไปถึงขนาดนี้แล้ว เราก็พูดตามปกติ เราก็อธิบาย ที่เราออกมาเราชี้แจงเฉยๆนะ แต่พอมันเอาทนายความมายืน เอามาถ่ายคู่ด้วย เราก็จัดให้ จัดทนายความให้ เรื่องไกล่เกลี่ยก็ต้องคุยกับทนายเลย อยู่ๆเขาจะมาขอโทษ แล้วเราถูกด่าไปแล้วทั้งอาทิตย์ คือเราเสียหายไปแล้วไง”
ยังโกรธตัวน้องอยู่ไหม
“คือไม่ได้โกรธหรอกครับ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะว่าตอนที่เขาเข้ามาใหม่ๆ เขาก็ดีกับเรานะ พอมา 2 ปีแล้วหลัง รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป แล้วก็เถียงตลอด เราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ มันไม่ใช่นะ มีอะไรก็มาคุยกัน เราพยายามคุยไลน์ผ่านทีมงานเรา ว่าเจอกันไหม เขาก็บอกเจอไม่เจอก็ไม่ได้แล้วล่ะ เราก็เออ ไม่เจอก็ไม่เจอ”
ให้อภัยน้องเขาไหมตอนนี้
“คือให้อภัยหรือไม่อภัย สมมติว่าอยู่ๆวันหนึ่งเราถูกด่า จนทุกคนเข้าใจผิด จนคนในโซเชียลมารุมด่าเราอย่างนี้ แล้วอยู่ๆเราให้อภัยเขาเหรอ มันไม่ใช่ ซึ่งเขาเป็นเด็ก แล้วเราให้เขามาตลอด คือไม่ได้ทวงบุญคุณหรือยังไงนะ ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่เขามาทำงานกับเรา เขามีบ้าน มีรถ มีทุกสิ่งทุกอย่าง เราให้เขา ถ้ารวมเป็นเงินก็เกือบ 10 กว่าล้านอะ แล้วอยู่ๆมาบอกว่าเราโกงเงิน 1 แสน ถ้าเป็นเรานะ 1 แสนถ้าเราโกงจริงๆนะ เราไม่เอาหรอก เรายกให้”
เขาบอกว่าเราอารมณ์ร้อนชอบไปด่าเขา
“เราด่าทุกคน ไม่ได้ด่าคนเดียว ไปถามพวกดาราใหญ่ๆที่เล่นหนังกับเขาด้วย เราด่าดาราเราทุกคน ไม่ได้ด่าแต่เขา คือมันเล่นไม่ได้ เราก็ต้องด่าถูกต้องไหม ใครไปกองถ่ายเราจะเคยเห็น เราด่าแหลก ไม่ได้ด่าคนเดียว ด่าทุกคน”
แสดงว่าเราคิดว่าสาเหตุที่เขาเปลี่ยนไปคือเรื่องความรักด้วย
“ไม่รู้อะ เพราะอะไรเราก็ไม่รู้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีปัญหานี้เข้ามา เขาก็เปลี่ยนไป ดูเปลี่ยนเลย เมื่อก่อนจะไหว้ พูดแล้วฟัง ต่ตอนนี้พูดแล้วไม่ฟัง เถียง แต่เราก็ตัดปัญหาไง คือไม่คุยไม่ยุ่งดีกว่า บล็อกเลย เราไม่ได้บล็อกเขาคนเดียวนะ เราบล็อกเด็กๆเราหลายคนเลย ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็บล็อก เราไม่อยากฟังเรื่องส่วนตัวไง ถ้าคุยเรื่องงานเราก็จะเปิดบล็อก แล้วก็จะคุย พอคุยจบเราก็บล็อกต่อ เราเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เขาคนเดียว”
เข็ดกับการปั้นเด็กไหม
“เสียใจมากกว่า เสียความรู้สึกว่าเด็กคนนี้ เราไม่ได้พิสวาศอะไรมันเลยนะ แต่เราให้เขาเต็มที่ มีงานอะไรคนอื่นยังรับบ้าง ไม่รับบ้าง แต่เด็กคนนี้เราให้หมด เล่นหนังทุกเรื่อง คิดดูว่า 7 ปี 13 เรื่อง เยอะแค่ไหน เยอะมาก ขนาดดาราดังๆยังไม่ได้ขนาดนี้เลย คือถ้าลูกมาด่าพ่อก็ไม่ไหวนะ เราก็ต้องจัดการลูกเราหรือเปล่า เป็นลูกรักก็จริง แต่ถ้าลูกเรารัก อยู่ๆเราไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็ทำงานของเรา แล้วอยู่ๆออกมาโพสต์ด่าๆเรา”
หลายคนก็มองว่าทั้งหมดนี้เป็นการโปรโมทอะไรหรือเปล่า
“ไม่ได้โปรโมท ไม่เคยโปรโมท อยู่เฉยๆ นะ ไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นนะ ทำงานอยู่เฉยๆ แล้วมันก็มีเรื่องขึ้นมา”
อยากบอกอะไรน้องเขาไหม เขาอยากติดต่อเราแต่ติดต่อไม่ได้
“ก็คือก็ยังรักน้องเหมือนเดิม ไม่ได้โปรโมทอะไรเลย เพราะไม่รู้จะโปรโมทอะไร เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาออกมาพูดมาด่าเราเพื่ออะไร ถ้าใครรู้จักเราก็จะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง เราเป็นคนใจดี ขี้สงสาร ถ้าเข้ามาดี มาคุยกันดี เราอาจจะแบบเคลียร์กันได้ อันนี้มาแบบรับไม่ทันก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมา คนก่อเรื่องขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบ”
ฝากบอกอะไรคนข้างๆ น้องไหม
“ไม่ฝากบอกอะไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราไม่ยุ่งอยู่แล้ว”