สิ้นสุดสถานะสามีภรรยาเรียบร้อย หลังนักร้องปากกว้าง “ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนเดล” และอดีตภรรยา “พลอย” พลอยพรรณ ตัดสินใจจดทะเบียนหย่ากันแล้วเมื่อวานนี้(6 ก.ค.) เพื่อจบปัญหา ทั้งเรื่องการแบ่งสมบัติ อำนาจการปกครอง ล่าสุดเมื่อเวลา 13.20 น.(7 ก.ค.) หนุ่มปีเตอร์ได้เปิดให้สื่อมวลชนได้ซักถามเรื่องที่ดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ระหว่างไปลองเสื้อผ้าที่ใช้ในการถ่ายทำซีรีส์เรื่อง “แพ้คำว่ารัก” ที่บริษัท ดัง จำกัด ย่านเลียบด่วน-รามอินทรา
.
นักร้องหนุ่ม เผยว่า หลังจากเกิดความวุ่นวายกันมาสักพัก และได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จึงได้ตัดสินใจจดทะเบียนหย่ากันเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ที่สำนักงานเขตวัฒนา แต่สำหรับในเรื่องรายละเอียดได้เซ็นสัญญากันไปว่าจะไม่เปิดเผย เพราะมีความเห็นตรงกันว่าไม่ควรสร้างปัญหาแก่กัน รวมถึงจะเป็นการตัดปัญหาและโฟกัสที่ลูกได้เต็มที่ เพื่ออนาคคตที่แจ่มใสของลูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไปหาลูกได้กี่วัน การจ่ายค่าเลี้ยงดูเท่าไหร่
.
“เราผ่านอะไรมากันเยอะมาก เมื่อวานเป็นเพียงแค่การเซ็นเอกสารกันอย่างเป็นทางการ เรื่องของผมกับพลอยจริงๆจบไปสักพักแล้ว แต่ในฐานะของพ่อแม่เราก็เต็มที่กันอยู่แล้ว เรื่องของบ้านลูกยังได้อยู่บ้านเดิม ทุกอย่างที่พลอยเรียกร้องผมให้ได้ ผมได้ให้ไปหมดแล้ว รายละเอียดไม่สามารถพูดได้ ทุกอย่างจบด้วยดีแล้ว หากมีอะไรที่จะเกี่ยวกับลูกที่ต้องช่วยกันก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ผมหวังเมื่อจบปัญหา การแบ่งสมบัติ อำนาจการปกครอง เหล่านี้แล้วก็จะทำให้โฟกัสที่ลูกได้ 100 เปอร์เซ็นต์”
.
เมื่อถามถึงการตัดสินใจครั้งนี้ลูกเข้าใจหรือไม่ นักร้องหนุ่ม ตอบว่า พลอยได้เรียกลูกคนโต คือ แพนเตอร์มานั่งคุยว่า จริงๆแล้วลูกยังคงมีพ่อแม่เหมือนเพื่อนคนอื่น เพียงแค่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งด้วยความเป็นเด็กเชื่อว่าลูกยังไม่เข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โตมาลูกจะรู้เอง ด้วยความเคยชินกับสถานการณ์ที่โตมา และตนทั้งคู่คงคงไม่ได้ไปรื้อฟื้นปัญหา
.
“ผมเชื่อว่าทุกวันนี้การหย่ามีให้เห็นทั่วโลกเยอะ เขาไม่ใช่เด็กคนเดียวในโรงเรียนที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน สมัยนี้ข้อดีคือเราสามารถช่วยกันดูแลลูกได้ เราต่างพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อลูกอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่มองว่าเหมือนจะกลับมาอยู่ด้วยกัน อาจด้วยอารมณ์ของคนที่เห็นภาพครอบครัวมากขึ้นมากกว่า เวลาผ่านไปเรานิ่งขึ้นใช้เหตุผลมากขึ้น ดีที่สุดคือเป็นเพื่อนกัน อย่างที่พลอยบอกอาจต้องใช้เวลา แต่เพื่อลูกก็ต้องพยายาม ส่วนถ้าหากวันไหนพลอยมีครอบครัวใหม่ แล้วเขาดูแลและรักลูก ผมก็โอเค”
.
ปีเตอร์ ยังยอมรับว่าด้วยว่า ช่วงนี้หันกลับมารับงานในวงการบันเทิงเยอะขึ้น เพราะค่าใช้จ่าย รวมถึงเป็นช่วงที่อยากกลับมาโฟกัสกับการทำงาน ก่อนที่จะไม่มีงานให้ทำ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
