
จากกรณีนักร้องดังยุค 90 นุ๊ก สุทธิดา ได้ออกมาเผยว่าเจ้าตัวป่วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ลามไปยังต่อมน้ำเหลืองรอบ ๆ คอ หลังตรวจเจอเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้เข้ารับการรักษาตัวไปแล้ว ด้วยวิธีการผ่าตัดมะเร็งต่อมไทรอยด์ และกลืนแร่เพื่อสลายเชื้อมะเร็งทั้งหมด 16 จุดที่ต่อมน้ำเหลือง ก่อนที่จะได้ตรวจอีกครั้งแล้วพบว่าเชื้อมะเร็งยังคงหลงเหลืออยู่อีก 3 จุดบริเวณต่อมน้ำเหลือง โดยที่ผ่านมา นุ๊ก ได้บินไปรักษามะเร็งที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่แสตมฟอร์ดกว่างโจว ประเทศจีน 2 ครั้งแล้ว
ล่าสุดวันนี้ นักร้องดัง เปิดใจกับไนน์เอ็นเตอร์เทนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หน้าตาสดใสว่า มะเร็งยังอยู่ที่บริเวณคอ 3 จุดเหมือนเดิม และก็ยังไม่แอกทีฟ เมื่อฉีดสารสีเข้าไปยังเป็นส้มอ่อน ๆ ถ้าเปรียบกับไฟสัญญาณจราจรคือ ไฟเหลืองที่กำลังจะเขียว ต้องดูแลตัวเองเรื่อย ๆ ทานยาทุกวัน ช่วยเรื่องค่ามะเร็งและฮอร์โมนไทรอยด์ด้วย รวมถึงต้องตรวจเลือดเป็นประจำทุก 3 เดือน และต้องอัลตราซาวด์ทุก 6 เดือนเป็นประจำ ส่วนการไปรักษาที่ประเทศจีน ใช้แพทย์สมัยใหม่ในการรักษา ที่จีนเขาไม่เน้นผ่าตัด เน้นรักษาให้มะเร็งฝ่อ หลุด และเหี่ยวไปเอง ส่วนที่ตนไปรักษาไม่ได้ผ่าหรือกำจัด เพราะหมอที่ไทยและจีนประเมินแล้วว่าไม่คุ้มกับการผ่าตัด ไม่คุ้มกับการทำร้ายร่างกายอีกครั้ง จะรักษาแบบเซลล์บำบัด (ฉีดสเต็มเซลล์) ซึ่งที่ประเทศไทยยังไม่ถูกกฎหมาย โดยของ นุ๊ก จะฉีด NK Cell เซลล์ที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน เป็นเซลล์ที่เหมาะกับคนแก่ คนป่วยที่เพิ่งผ่าตัด ต้องการการฟื้นฟูร่ายกายให้แข็งแรง และการที่จะกลายเป็นเซลล์มะเร็งก็จะน้อยลง การขยายตัวก็จะน้อยลง ปัจจุบันเซลล์มะเร็งที่อยู่ในร่างกายไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เห็นเลย จะมีแต่อาการผลข้างเคียงจากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกไป จะมีปัญหาเรื่องของอารมณ์ การย่อยอาหารอยู่บ้าง ซึ่งก็ดูแลตัวเองต่อไป ก่อนจะเล่าว่า เมื่อก่อนที่จะตัดต่อมไทรอยด์ จนทำให้เป็นโรคซึมเศร้า มีอาการแพนิกรักษานานกว่า 1 ปีด้วย โดยอาการซึมเศร้าเองก็หายดีเมื่อปลายปีที่แล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องดูแลเวลาที่ป่วยคือ ต้องนอนให้ปกติ ถ้านอนไม่ดีจะทำให้เป็นโรคต่าง ๆ ได้เยอะมาก และดูแลเรื่องการกิน ต้องทานอาหารมื้อเช้าด้วย รวมถึงต้องออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายออกกำลังกายให้สูงมากแค่เริ่มจากการเดินก็พอแล้ว นุ๊ก มองว่า ตอนนี้อาการของร่ายกายยังคงที่ ก้อนมะเร็งยังอยู่กับตัวอยู่ เขายังรักเราอยู่ เปรียบขำ ๆ มะเร็งเป็นเหมือน ผัวมีเมียน้อยอีก 3 คน อาจจะต้องอยู่ไปแบบนี้ รัก ๆ เกลียด ๆ รวมถึงสภาพจิตใจของตัวเองดีขึ้นและเครียดน้อยลง การใช้ชีวิตแตกต่างจากเมื่อก่อนที่มองว่าแค่ใช้ชีวิตเป็นวัน ๆ ไป เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน ตอนนี้เริ่มรู้ตัวเองว่าเอาชีวิตได้รอดแล้ว เริ่มยืนได้แล้ว เริ่มเห็นถึงวันพรุ่งนี้ จึงได้ตั้งเป้าหมายไกล ๆ ไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้กำแน่น สาเหตุที่ความคิดเปลี่ยนไปแบบนี้เป็นเพราะโรคซึมเศร้าที่มองว่าน่ากลัวกว่าโรคมะเร็งได้รับการรักษาและหายดี จึงไม่ดิ่งดาวน์ และได้ตั้งเป้าหมายในการทำงานว่าปีนี้จะไม่รับละคร เพราะปีก่อนรับละครไป 3 เรื่องแต่ยังไม่ออนแอร์ เริ่มเกรงใจผู้จัดละครที่ยื่นงานมาให้ด้วยเสมอมา และจะหันหน้ามาเรียนรู้โซเชียลอย่างจริงจัง จ้างคนมาสอนคอร์ส จะสังเกตว่าตนได้ลบรูปหลายรูปในไอจี ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ตั้งใจเริ่มต้นใหม่ และลุยเล่นโซเชียลให้มากขึ้น รวมถึงจะทำธุรกิจเปิดร้านกาแฟ หรือทำยิมออกกำลังกาย อาจจะเป็นร้านเล็ก ๆ ที่ตนพอดูแลได้ คงจะไม่เปิดแบบใหญ่เกินไป สามารถแบ่งเวลาทั้งการดูแลธุรกิจ รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพ ดูแลครอบครัวได้ด้วย

นุ๊ก ยังเล่าถึงเพื่อนซี้ แหม่ม วิชุดา และ โก้ ที่อยู่เคียงข้างกันตลอด แม้กระทั่งตอนที่ไปรักษาโรคมะเร็งที่ประเทศจีน นุ๊ก เผยว่า โก้ เป็นคนที่ต่างจากตัวเองลิบลับ แต่เหมือนถูกบังคับเพราะรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ส่วน แหม่ม ก็นิสัยเหมือนตน เวลาที่อยู่ด้วยกันมักจะมีความสุขอยู่ตลอด ขำ ๆ ตนจะไม่ปวดหัวกับโรค แต่จะปวดหัวกับเพื่อนแทน เขาก็คอยเอ็นเตอร์เทนเราตลอด ส่วนที่หลายคนไม่เห็นภาพครอบครัวสามี ฮากีม รวมถึงลูกชายทั้ง 3 คนไปพาไปโรงพยาบาล นุ๊ก บอกว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะต้องอธิบายกับครอบครัวอย่างคนที่เป็นแม่เรา เขาจะทำใจไม่ได้ จะบอกเพียงว่าโอเค หายแล้ว การสื่อสารกับสามี ตนมองว่าครอบครัวของเรา เปรียบเป็นการทำงานร่วมกัน เรามีภาระร่วมกัน ระบบการเงิน การศึกษา การดูแลลูก ๆ เราต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ค ในเมื่อตนไม่อยู่ เขาเองก็ต้องทำในสิ่งที่เราเคยทำ มันเป็นการวางแผนให้สามีทำแทน ถ้าป่วยตนก็แค่จะคุยกับหมอเท่านั้น ไม่เอาโรคกลับบ้าน ไม่เคยอยู่กับสามีหรือลูก ๆ แล้วบอกว่าอ่อนแอ ตนจะใช้ชีวิตปกติ เว้นแต่ตอนที่ตนป่วยเป็นซึมเศร้าที่จะบอกพวกเขาให้รู้ตรง ๆ ในตอนนี้ทางครอบครัวไม่ได้ให้กำลังใจตนเองเลยนะ นุ๊ก ให้กำลังใจตัวเอง ไม่เชื่อว่าใครจะให้กำลังใจเราแล้วจะลุกขึ้นได้ คนแรกที่ต้องให้กำลังใจคือตัวเรา ก่อนจะเล่าว่า หลัง ๆ มาเคยแกล้งอ่อนแอต่อหน้าลูก อ้อนให้ไปเที่ยวกันก่อนที่แม่จะอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งลูกก็ตอบกลับมาว่า คนอย่างแม่ไม่ตายง่าย ๆ เขาคงคิดว่าไม่ถึงเวลาที่จะเศร้า เพราะตนก็ไม่เคยเศร้าให้ลูกเห็น ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เพราะเคยเศร้ามาก เมื่อตอนที่คุณแม่พาไปโรงพยาบาล จึงไม่อยากเห็นใครเศร้าอีก ยืนยันว่าลูก ๆ และสามี ไม่ได้ทอดทิ้งให้ตนไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เพราะการไปด้วยตัวเอง มันสะดวกกว่า ถ้าลูกไป สามีไป ตนต้องคอยดูแลพวกเขา ต่อให้เขาไม่เรียกร้องตนก็จะคอยคิดดูอยู่ในหัวตลอด ถ้าไปคนเดียวก็สบายใจกว่า ทำได้หมด

นุ๊ก ยังขอบคุณพลังที่ยิ่งใหญ่จากทุกคนที่คอยส่งมาตลอด ทั้งเข้ามากอด เข้ามาเป็นกำลังใจให้ตนทุกครั้ง ตนเองก็อยากส่งต่อกำลังใจให้ทุกคนเช่นเดียวกันโดยเฉพาะคนที่ป่วยเป็นซึมเศร้า หากต้องการความช่วยเหลือสามารถคอมเมนต์ในไอจีได้เลย .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
