นักร้องดังยุค 90 อย่าง นุ๊ก สุทธิดา นัดสื่อตั้งโต๊ะแถลงข่าวอัปเดตอาการป่วยโรคมะเร็งไทรอยด์ลามไปยังต่อมน้ำเหลือง หลังตรวจเจอเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และทำการรักษาด้วยการผ่าตัดมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ และกลืนแร่เพื่อสลายเชื้อมะเร็งทั้งหมด 16 จุดที่ต่อมน้ำเหลือง ก่อนที่ล่าสุดได้ทำการตรวจอีกครั้งแล้วพบว่าเชื้อมะเร็งยังคงหลงเหลืออยู่อีก 3 จุดบริเวณต่อมน้ำเหลือง รวมทั้งยังมีอาการจากการมีเชื้อมะเร็งในร่างกาย เช่น ตื่นเช้ามาแล้วหน้าผากบวม หรือได้กลิ่นควันไฟ ซึ่งอาการเหล่านี้กระทบกับการทำงานในบางครั้ง ก่อนจะได้รับคำแนะนำจากเพื่อนซี้ โก้ ธีรศักดิ์ ให้รู้จักกับโรงพยาบาลมะเร็ง ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน ตนจึงเข้าไปรับฟังขอคำปรึกษา ก่อนจะตัดสินใจบินไปรักษามะเร็งที่เหลืออยู่ที่ประเทศจีน ตอนแรกตั้งใจจะด้วยวิธีการฝังแร่ แต่เมื่อบินไปถึงได้เข้ารับการตรวจร่างกายกับคุณหมออีกครั้งด้วยการอัลตราซาวนด์และฉีดสี ปรากฏว่าคุณหมอตรวจพบว่าเชื้อมะเร็งใหญ่กว่าที่คิดไว้และมีหลายก้อน ทำให้ไม่สามารถรักษาด้วยฝังแร่ได้ คุณหมอได้เสนอ 2 ตัวเลือกในการรักษา คือ การผ่าตัดและฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ที่จะไปช่วยให้เซลล์รอบ ๆ แข็งแรง ไม่กลายไปเป็นมะเร็งเพิ่ม อีกทั้งยังช่วยให้อาการหน้าผากบวมและได้กลิ่นควันลดลงด้วย
นุ๊ก สุทธิดา บินจีนเตรียมฉีดเซลล์ต้นกำเนิด หวังรักษามะเร็ง
โดย นุ๊ก เปิดใจว่าแนวทางการรักษาตั้งใจจะฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งจะต้องฉีดทุกปี ราคาถ้าฉีดที่จีนอาจจะอยู่ราว ๆ 2.5 แสนบาท ต้องฉีดที่จีนเพราะที่ไทยยังไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งการตัดสินใจฉีดเซลล์ต้นกำเนิดไม่กระทบกับการทำงานอื่น ๆ ของร่างกาย อีกทั้งตนยังกลัวการผ่าตัด กลัวการวางยา และจากประสบการณ์ครั้งก่อนมีเอฟเฟกต์หลายอย่าง จึงคิดว่าคงยังไม่ใช่ตอนนี้ ความคิดที่อยากผ่าตัดมีแค่ 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น การเดินทางไปรักษามะเร็งที่จีน จริง ๆ สามียังไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าจากการผ่าตัดก่อนหน้านี้ได้หายดีแล้ว
นอกจากนี้ นุ๊ก ยังแจ้งข่าวให้ทุกคนทราบว่าในปีนี้คุณพ่อของเจ้าตัวได้ตรวจพบมะเร็งบริเวณลำไส้ แต่ไม่ได้มีการสอบถามในครอบครัวว่าอยู่ในระยะไหน คุณพ่อตอนแรกก็รู้สึกกลัว แต่ด้วยจากการเห็นประสบการณ์จากลูกสาว จึงค่อนข้างมีความเชื่อมั่นว่าจะหายได้ ทุกวันนี้ครอบครัวไม่ค่อยคุยกันเรื่องโรคมะเร็ง แต่จะคุยกันเรื่องทั่วไป พยายามดูแลกัน พาไปกินข้าว ทำให้มะเร็งเป็นเรื่องปกติ
การต่อสู้กับโรคนี้ สาว นุ๊ก บอกว่าหากจะมีความรู้สึกกลัว ถือว่าไม่ผิด กลัวได้แต่ต้องเข้าใจและใช้ชีวิตต่อไปให้ได้ด้วย กำลังใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ยอมรับทุกวันนี้การต่อสู้กับมะเร็งของตน มีกำลังใจที่ดีจากลูก ๆ ทั้ง 3 คน แม้จะคิดว่าตอนนี้กำลังนับเคานต์ดาวน์ชีวิต แต่ก็พร้อมสู้ พยายามอธิบายให้ลูกชายฟังถึงโรคที่เจ้าตัวเป็นอยู่ รู้ว่าลูก ๆ ชอบอ่านหนังสือจึงนำนิทานที่ตอนจบคุณแม่ในนิทานเสียชีวิตให้ลูกอ่าน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งลูก ๆ มักจะให้กำลังใจและเชื่อว่าคุณแม่จะไม่มีทางไปจากพวกเค้าอย่างแน่นอน .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ภาพจาก nook_suttida