“บริตนีย์” ไม่ทน ร้องศาลขอชีวิตคืน!

โลกต้องอึ้งกับความเป็นจริงที่อดีตเจ้าหญิงวงการเพลงป็อป “บริตนีย์ สเปียส์” ต้องเผชิญจากการมีผู้ปกครองตามคำสั่งศาล หลังเจ้าตัวระบายความอัดอั้นตันใจละเอียดยิบถึง 24 นาที ต่อผู้พิพากษาและคณะลูกขุน ระหว่างการไต่สวนออนไลน์ครั้งล่าสุดวานนี้ (23 มิ.ย. 2564)


นานถึง 13 ปี แล้วที่นักร้องสาวคุณแม่ลูกสองไม่มีอิสระในตัวเอง เนื่องจากพฤติกรรมหลุดโลกในอดีต ศาลจึงแต่งตั้งให้ “เจมส์ สเปียส์” พ่อของเธอเป็นผู้ปกครอง ดูแลทั้งพฤติกรรมส่วนตัว การทำงาน ตลอดจนการเงินของเธอ 

ซึ่งที่ผ่านมา “บริตนีย์” พยายามร้องศาลขอเป็นไทมาตลอด แต่ไม่เคยสำเร็จ คราวนี้เธอจึงแฉละเอียดยิบถึงเรื่องที่ไม่เคยพูด เพราะถูกบังคับไม่ให้บอกใคร ขณะเดียวกันเธอเองก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะเสียชื่อเสียง กลัวถูกหัวเราะเยาะ และกลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อ แต่บัดนี้เจ้าตัวไม่กลัวอีกต่อไป


นักร้องสาววัย 39 ปีบอกชัด ๆ เน้น ๆ ว่า เธออยากได้ชีวิตของเธอคืน เพราะการมีผู้ปกครองนั้นเป็นภัยมากกว่าจะเป็นการดีต่อชีวิตของเธอ ที่ผ่านมาเธอต้องบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจจากการอยู่ภายใต้การปกครองของพ่อตัวเองและคนอื่น ๆ ที่ถูกจ้างมาดูแลเธอ แต่กลับปฏิบัติต่อเธอราวกับทาส

“บริตนีย์” เปรียบการที่ถูกพ่อบังคับให้ทำโน่นนี่ตลอดเวลาว่าไม่ต่างอะไรกับการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการบังคับให้ออกทัวร์คอนเสิร์ตเมื่อปี 2018 และการโชว์คอนเสิร์ตที่ลาสเวกัส ซึ่งติด ๆ กันจนแทบไม่มีเวลาได้พัก ทั้งยังถูกบังคับให้ฝึกซ้อมอย่างหนัก แถมด้วยการประชุมงาน รวมแล้วต้องทำงานวันละ 10 ชั่วโมง ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ เท่านั้นไม่พอเธอยังต้องไปพบจิตแพทย์สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และไปสถานบำบัดอีกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพปาปาราซซี่ที่มาดักถ่ายภาพที่น่าขายหน้าตอนเธอเดินเข้า-ออกสถานที่ดังกล่าว ยิ่งบางครั้งเธอร้องไห้เพราะรู้สึกกดดันก็ยิ่งเป็นภาพฮอตแต่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกแย่:-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

แถมเธอยังถูกบังคับให้กินยาลิเธียม ซึ่งเป็นยาทางจิตเวช ที่มีผลข้างเคียงรุนแรง ทำให้เธอมีอาการเมายาจนพูดคุยกับใครไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อเธอบอกว่ารู้สึกกลัวที่ต้องกินยาตัวนี้ พ่อและทีมผู้ดูแลกลับให้หมอและพยาบาลถึง 6 คนมาประกบเฝ้าสอดส่องเธอถึงในบ้านตลอด 24 ชั่วโมง พวกเขาเฝ้าดูแม้กระทั่งตอนที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอก็ต้องเปลือยกายให้พวกเขาเห็นหมด  ทั้งร่างกายและห้องนอนของเธอไม่มีความเป็นส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น


“บริตนีย์” ยังบอกอีกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอต้องเป็นโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ และร้องไห้ทุกวัน กับการถูกบังคับให้ทำงานตามที่พ่อและทีมงานกำหนดให้ราวกับเป็นทาส ซ้ำยังโดนยึดของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเงินสด, เครดิตการ์ด, โทรศัพท์, พาสปอร์ต แถมยังต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนที่ไม่รู้จักอีกหลายคน และถ้าเธอไม่ยอมทำตามก็ขู่จะฟ้องศาล แต่เธอกลับไม่มีสิทธิ์จะหาทนายให้ตัวเองด้วยซ้ำ แม้กระทั่งการสัมภาษณ์ผ่านสื่อก็มีแต่พ่อเท่านั้นที่เป็นฝ่ายพูดให้เธอยิ่งดูเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น 

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอบอกว่าเธออยากมีครอบครัวและมีลูกเพิ่มอีกก็ทำไม่ได้ เนื่องจากพ่อไม่อนุญาตให้เอาห่วงอนามัยคุมกำเนิดออก และอย่าว่าแต่จะได้ออกไปเที่ยวกับแฟนหนุ่ม เพราะแม้กระทั่งจะออกไปหาเพื่อนที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 8 นาทียังทำไม่ได้ รวมถึงการพักผ่อนช่วงคริสต์มาสกับลูกๆ “ฌอน” และ “เจย์เดน” ที่รัฐหลุยเซียนาก็ยังต้องได้รับอนุญาตจากพ่อซะก่อน แถมตลอด 2 สัปดาห์ในวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาสยังมีเจ้าหน้าที่มาทำการทดสอบทางจิตวิทยาถึงบ้านทุกวันๆ ละ 4 ชั่วโมง แล้วสุดท้ายพ่อก็โทรมาบอกว่าเธอไม่ผ่านการทดสอบดังกล่าว ต้องไปเข้ารับการบำบัด และต้องจ่ายเงินราว 60,000 เหรียญ หรือกว่า 1 ล้าน 8 แสนบาทต่อเดือน 

ที่ผ่านมาเธอโพสต์ภาพสดใสในอินสตาแกรมหัวเราะร่าน้ำตารินบอกโลกว่า เธอโอเค แฮปปี้ มีความสุข ก็เพราะคิดว่าทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ มันน่าจะรู้สึกโอเค แต่แท้จริงแล้วเธออยู่ในสภาวะช็อกและไม่มีความสุขโดยสิ้นเชิง วันนี้เธอจึงสุดจะทนที่ทุกคนทำเหมือนเธอตายไปแล้ว ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่เธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมที่เธอต้องถูกคนที่กินเงินเดือนจากเธอมาบังคับให้ทำสิ่งต่างๆ  โดย “บริตนีย์” จวกแรงว่าพวกผู้ปกครองไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามล้วนเข้ามาเพื่อหวังกอบโกยเงินจากเธอ หาประโยชน์จากเธอและงานของเธอเท่านั้น ถ้าหมดเงินเขาก็คงไม่อยากจะเป็นผู้ปกครองเธออีกต่อไป 

วันนี้เธอจึงขอให้ศาลพิจารณาว่าตราบใดที่เธอสามารถทำงานหาเงินเลี้ยงดูตัวเองและผู้อื่นได้ เธอก็ไม่สมควรที่จะต้องมีผู้ปกครอง จึงขอให้ศาลสั่งสิ้นสุดการมีผู้ปกครองโดยไม่ต้องผ่านการประเมินสภาพจิตใจหรือใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเธอผ่านเรื่องพวกนี้มามากเกินพอแล้ว และอยากให้ศาลได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเธอบอบช้ำมามากขนาดไหน 

ซึ่งคำให้การของ “บริตนีย์” ครั้งนี้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อด้วย เหล่าเพื่อนพ้องศิลปินที่รู้ข่าวจึงแห่กันให้กำลังใจเธอผ่านโซเชียลกันอย่างอึกทึกครึกโครม เช่น อดีตคนรัก “จัสติน ทิมเบอร์เลก” ที่บอกว่า ไม่ควรมีผู้หญิงคนไหนถูกจำกัดกรอบในชีวิตของเธอเองแบบนี้, ส่วน “ มารายห์ แครีย์” บอกว่า ขอให้เธอเข้มแข็งไว้,  ด้าน “โรส แม็คโกแวน” บอกว่า ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกอย่างไรที่ชีวิตตัวเองถูกขโมยไป หยุดควบคุมชีวิตผู้หญิงซะที และอีกเพียบ

ขณะที่ด้านหน้าศาลก็มีเหล่าแฟนคลับจำนวนมากมาให้กำลังใจนักร้องคนโปรดพร้อมถือป้าย #ปล่อยบริตนีย์เป็นอิสระ และออกไปจากชีวิตบริตนีย์ซะ โดยแฟนเพลงบางคนถึงกับออกปากว่า สิ่งที่เธอพูดมันทำให้หัวใจเขาแหลกสลาย เพราะไม่คิดว่าเรื่องเลวร้ายขนาดนี้จะเกิดขึ้นจริง แต่ก็ดีใจที่ในที่สุดเธอก็กล้าพูดความจริงออกมา

ข่าว / ภาพ : bbc / deadline / variety

เข้าชม 351 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม