ลูกหมี ยัน ปู ยืมเงิน 2 ล. ไม่ใช่ 1.4 ล. โต้ปล่อยดอกตามที่ถูกอ้าง ชี้คืนเงินพรุ่งนี้ ถอนแจ้งความทันที ลิลลี่ ย้ำ โกรธแต่ไม่เกลียด ที่ด่าหน้าด้าน-ไม่รู้กฎหมาย เห็นกับตาบัญชีมีเงิน 14 บาท!

มหากาพย์เจ้าหนี้ – ลูกหนี้ ระหว่างอดีตนางแบบดัง “ลูกหมี รัศมี” กับอดีตนักแสดง “ปู มัณฑนา” หลังมีการทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 2 ล้านบาทแล้วไม่คืน จน “ลูกหมี” ต้องเข้าแจ้งความ พรบ.เช็ค เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก่อนจะมีเจ้าหนี้อีกหลายคนออกมาแสดงตัวว่าถูก “ปู มัณฑนา” ยืมเงินแล้วไม่ได้คืนรวมยอดกว่า 16 ล้านบาท

ต่อมามีการนัดไกล่เกลี่ยกันที่ สน.ทองหล่อ ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งมีการเดินทางไปชี้แจงมุมของตัวเองในรายการต่าง ๆ พาดพิงกันจนบานปลาย และเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ปู มัณฑนา พร้อมด้วยสามีและทนายความตั้งโต๊ะแถลงข่าวเผยแบบหนังคนละม้วนว่า – ตนกับลูกหมีไม่ได้กู้ยืมเงินกันแต่เป็นการที่ลูกหมีเสนอเงินมาหวังปล่อยดอกเบี้ย – ยอดหนี้แท้จริงไม่ใช่ 2 ล้าน แต่คือ 1.4 ล้านบาท – ยินดีใช้เงินคืน 1.4 ล้านบาท แต่หลังจากลูกหมีเดินสายขอโทษผ่านรายการต่าง ๆ ที่ไปออกก่อนหน้านี้ – สำหรับ ลิลลี่ เหงียน ตนย้ำว่าเป็นหนี้ต้องใช้ไม่ต้องยกหนี้ให้ – การแจ้งความกลับขอไปคิดดูก่อน – ที่ผ่านมาไม่ได้ถังแตก ที่บอกเหลือเงินในบัญชี 14 บาทเป็นเพียงการบอกปัดเพราะไม่อยากทำธุรกิจกับคนที่ลิลลี่ติดต่อมาให้ และเคยเลี้ยงข้าวลิลลี่หลักหมื่นบาทด้วย

ล่าสุดบ่ายวันนี้ (15 ก.ค.67) ลูกหมี รัศมี, ลิลลี่ เหงียน, ทนายความ พร้อมด้วยผู้เสียหาย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้สิ่งที่ ปู มัณฑนา ชี้แจงก่อนหน้านี้ โดยลูกหมีงัดหลักฐานสำคัญอย่าง สัญญากู้ยืมเงินจำนวน 2 ล้านบาทกับ ปู มัณฑนา เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อโต้แย้งว่าเจ้าตัวไม่ได้ปล่อยดอกเบี้ยตามที่ปูแถลงข่าว พร้อมย้ำสัญญาเป็นการที่ปูเซ็นชื่อโดยมีรายละเอียดครบถ้วน ไม่ใช่กระดาษเปล่าเรื่องจำนวนเงินกู้ ยืนยันว่าคือ 2 ล้านไม่ใช่ 1.4 ล้านตามที่ปูกล่าวอ้าง พร้อมเผยว่าหากเป็นจำนวนเงิน 1.4 ล้านบาทจริง ทำไมก่อนหน้านี้ปูถึงยอดเซ็นเช็คเพื่อหวังใช้หนี้จำนวน 2 ล้านบาทมาก่อน ซึ่งเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่ธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินทั้งหมด พร้อมย้ำเหมือนทุกครั้งว่าการกู้ยืมเงินครั้งนี้เป็นการที่ปูอ้างว่าเพื่อนจะนำไปทำธุรกิจต่อ

ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.67) เวลา 16.00 น. ทั้งปูและลูกหมีมีนัดไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งที่ สน.ทองหล่อ โดยลูกหมีเผยว่าหากปูนำเงินสด 1.4 ล้านมาคืนในวันพรุ่งนี้เจ้าตัวพร้อมถอนแจ้งความทันที และยินดีขอโทษปูผ่านสื่อในวันพรุ่งนี้ด้วย และถ้าหากไม่พอใจในการขอโทษจะให้ไปออกในทุกรายการที่ไปออกมาก่อนหน้านี้ ลูกหมีออกปากไม่รู้ว่าใช้สมองส่วนไหนคิด เพราะตนไม่สามารถขอให้ทุกรายการชวนไปออกได้ แต่จะให้รำขอโทษ หรือจะให้ขอโทษไปเดินแบบไปด้วย พร้อมกับบวงสรวงไปด้วยก็ยินดีหากได้เงินคืน ขณะเดียวกันลูกหมีออกปากว่าหลังจากที่ตนขอโทษแล้ว ปูเองต้องขอโทษลูกหมีและผู้เสียหายคนอื่น ๆ ที่ยืมเงินไปด้วยเช่นกัน

ขณะที่ลิลลี่ เหงียน เผยถึงสิ่งที่ปูยืนยันก่อนหน้านี้ว่า เงินที่ยืมมายังไงก็ต้องใช้คืนไม่ต้องยกหนี้ให้นั้น ลิลลี่เผยว่าอยากใช้ก็ใช้มา เพราะเงินมีมูลค่าแค่ 6.7 แสนบาท เป็นเงินที่น้อยมาก ยืนยันยังรักปูเหมือนเดิม โกรธเขามากแต่ไม่ได้เกลียด อยากให้ออกมาขอโทษประชาชน ส่วนที่เจ้าตัวไปออกรายการต่าง ๆ แล้วมีคำพูดที่คล้ายกับการพาดพิงทั้งปูและบริษัทหนึ่ง ลิลลี่เผยว่าส่วนตัวไม่มีเจตนาด่าบริษัท แต่เป็นคนปากเร็วไปก็ต้องยอมรับชะตากรรม เรื่องที่ด่าปูว่าหน้าด้าน ลิลลี่ชี้แจงว่าเป็นเพราะไม่รู้กฎหมาย ที่ผ่านมาขอโทษผ่านสื่อแล้ว อยากขอโอกาสกับทุก ๆ คน ตอนนี้เจ้าตัวเชื่อฟังคำสอนของลูก, พี่หนุ่ม กรรชัย, พี่พชร์ อานนท์, และทนายกิ่งเท่านั้น ส่วนเรื่องที่เจ้าตัวบอกว่าปูมีเงินในบัญชีเพียง 14 บาท ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง วันนั้นปูเป็นคนให้เจ้าตัวดูบัญชีในโทรศัพท์เอง ไม่ได้กล่าวหา โดยในวันพรุ่งนี้ลิลลี่ เหงียน ติดงาน แต่หากงานเสร็จทันอาจเดินทางไปที่ สน. ทองหล่อด้วย

นอกจากนี้ในระหว่างแถลงข่าวยังมีผู้เสียหาย 2 รายเดินทางมาร่วมด้วย โดยรายแรกคือ คนที่ให้ปูยืมเงินไปกว่า 1,160,000 บาท งัดหลักฐานยืนยันอีกเสียงว่าเจ้าตัวไม่ได้ปล่อยเงินกู้ตามที่ปูอ้างก่อนหน้านี้ แต่เป็นการที่ปูมาขอกู้ยืมเงินและเป็นการเชิญร่วมลงทุนธุรกิจอาหารเสริมคอลลาเจน แต่ไม่มีธุรกิจนั้นจริง โดยผู้เสียหายรายนี้ยังเผยอีกว่ายังมีหลักฐานสำคัญอย่างการที่ปูกล่าวถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมาเป็นหมัดเด็ดสุดท้าย หากปูยังไม่หยุดพาดพิงหรือใส่ไฟ คนทั้งประเทศจะได้รู้ความจริง


ส่วนผู้เสียหายอีกรายมีอาชีพนักร้อง ได้ถูกปูยืมเงินเมื่อ2 ปีที่แล้วรู้จักผ่านการที่เคยถูกปูจ้างไปร้องเพลง โดยอ้างว่านำเงินไปลงทุนธุรกิจขายของเล่น ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังได้เงินไม่ครบ แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวเลขความเสียหาย หวังว่าปูจะนำเงินมาคืน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 665 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม