ถึงแม้เวลาจะดำเนินผ่านมา 101 ปี สำหรับวงการภาพยนตร์ของไทย ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย นุชชี่-อนุชา บุญยวรรธนะ เผยว่าก่อนหน้านี้หนังไทยเจออุปสรรคมากมาย อาทิ สถานะการณ์โควิด-19 , เรื่องการเซ็นเซอร์ เป็นต้น ทำให้งานประกาศรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยครั้งที่ 13 มาในคอนเซ็ปต์ หนังไทยข้าไม่ตาย เป็นผลพิสูจน์จากปีที่ผ่านมาที่หนังไทยประสบความสำเร็จทั้งด้านของรายได้ ได้รับรางวัลจากต่างประเทศและสร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมอย่างมากมาย เชื่อว่าต่อให้มีอุปสรรคมากมายแค่ไหนคนทำหนังก็ยืนหยัดที่จะสู้เพื่อทำหนังออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ต้องมาคิดต่อคือการต่อยอดความสำเร็จของหนังไทยให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีแบบนี้ทุกปี หนังบางเรื่องก็มีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว ต่อไปก็ต้องหาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ชมไม่เบื่อ เพื่อผลสำเร็จในปีต่อ ๆ ไป
ส่วนปัญหาที่ทางสมาคมผู้กำกับเจอมาอย่างต่อเนื่อง คือการเซ็นเซอร์หนังโดยภาครัฐ เป็นเรื่องที่ทางสมาคมกำลังต่อสู้เพื่อให้หนังในโรงสามารถฉายได้อย่างอิสระ แต่มีขอบเขต เพื่อที่จะได้สู้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการฉายหนังในตอนนี้ มองว่าการนำหนังในโรงกับหนังสตรีมมิ่งมาตัดสินรางวัลร่วมกันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทางสมาคมมีการถกเถียงกันมาพอสมควร ถ้าอยู่ในรูปแบบของภาพยนตร์และนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ก็เข้าข่ายที่สมาคมจะนำมาพิจารณารางวัลอยู่แล้ว และปัญหาที่ทางสมาคมต้องเจอเกี่ยวกับภาพยนตร์ก็เป็นปัญหาที่ต้องค่อย ๆ แก้ไข เพราะเนื่องจากปัญหาเรื้อรังมานาน แต่ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะตอนนี้ทางภาครัฐเองก็ยื่นมือเข้ามาร่วมช่วยเหลือไปด้วยกันแล้ว
ทางด้าน คุณชายอดัม หรือ หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ก็ได้เผยว่าปีที่ผ่านมาทำให้เห็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของภาพยนตร์ไทย ถึงแม้จะเจออุปสรรคต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ทุกคนก็ยังสู้อยู่ ยอมรับว่ามีเหนื่อยบ้างกับการต่อสู้กับข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ยังไม่หมดไปสักที แต่เชื่อมั่นว่าถ้าหากหนังไทยได้รับการสนับสนุนมากพอจากทุกภาคส่วน สามารถไปได้ไกลมากกว่านี้ รวมไปถึงตนก็อยากทำให้อาชีพผู้กำกับเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มั่นคงสามารถเลี้ยงชีพได้จริง ๆ ไม่ต้องไปทำโฆษณาอื่น ๆ เพื่อหารายได้เสริม ถ้าพูดถึงในแง่ของการเงินมองว่าอาชีพอื่นคุ้มค่ากว่ามาก แต่ที่ยังยืนอยู่ ณ จุดนี้เพียงเพราะรักในวงการภาพยนตร์จริง ๆ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน