เบนซ์ รับชีวิตคู่ มิค เคยมีปัญหาเพราะเรื่องบนเตียง ผ่านจุดที่เกือบแยกทาง วันนี้มีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่พร้อมแตกแยกอะไรทั้งนั้น

คุณแม่ลูกสาม เบนซ์ พรชิตา เปิดใจผ่านรายการ WOODY INTERVIEW เล่าถึงเรื่องราวชีวิตคู่กับสามีสุดที่รัก มิค บรมวุฒิ ว่ากว่าจะมีทุกวันนี้ผ่านจุดที่เกือบแยกทางกันมาก่อน และยอมรับเคยมีปัญหากับสามีเรื่องเซ็กส์ เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจนสูญเสียความมั่นใจ ไม่อยากให้สามีจับตัวเพราะอยากให้จดจำแต่ภาพดี ๆ เผยทุกวันนี้มีครอบครัวที่อบอุ่น ถือเป็นความฝันอันสูงสูด จะไม่ยอมให้หลุดออกไป ไม่พร้อมที่จะแตกแยกอะไรทั้งนั้น


โดย เบนซ์ เล่าว่า “ก่อนแต่งงานเบนซ์แสบมาก ตอนนั้นอายุ 25 คิดว่าไม่อยากเสียเวลากับคนเยอะ ถ้าใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็เลิกไปเลย เลยรู้สึกว่าตอนเจอพี่มิค เบนซ์ก็จัดแน่นเลย ทั้งขี้หึง งี่เง่าและโวยวายสุด ๆ เอาแต่ใจทุกอย่างยิ่งกว่าในละคร โมโหก็คือโมโหแบบสุดทางเลย เขาก็ถามเรานะทำแบบนี้เพื่ออะไรตอนนั้น เลยบอกพี่เจอเลยแบบเต็มที่ จะได้รู้ว่าหนูเวลาโมโหที่สุดหรืองี่เง่าที่สุด พี่รับได้หรือเปล่า ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกไป เพราะว่าพี่อยู่กับหนูู ต้องมีวันหนึ่งที่เป็นแบบนี้ จะได้ไม่ต้องพูดว่าคบมาไม่เคยเป็นแบบนี้ ยอมรับว่าก่อนหน้านั้นมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าน่าจะยากที่จะคบกัน เพราะแม่เบนซ์ไม่ชอบพี่มิคเลย คาแรคเตอร์เขาดูกะล่อน ดูเจ้าชู้ พูดไปเรื่อย แม่บอกหนูว่าเราหาดีกว่านี้ได้ไหม หนูก็รู้สึกว่ามันก็ต้องลองดูก่อน บางทีการคุยกับแต่ละคน จะมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าคนนี้น่าจะเป็นคนดีนะ เป็นเซนส์ที่รู้สึกว่าคนนี้ไม่ได้มาหลอก บอกเลยว่าพี่มิคเขาเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนที่โคตรอดทนสำหรับเบนซ์ พี่มิคปรับตัวเยอะมาก เพราะจริง ๆ พ่อแม่เขาเลี้ยงมาดีมาก แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเกือบจะมีปัญหากันเลย คือทุกวันอาทิตย์บ้านเขาต้องไปกินข้าวกัน แล้วต้องกินที่โรงแรม ความเป็นที่เราเป็นเด็กบ้าน ๆ ก็จะรู้สึกว่าแพงมากเลย ฉันต้องไปกินเป็นหมื่นเลยเหรอ หนูไม่ได้ขี้เหนียวนะ แต่ว่าเสียดายตังค์ ทำไมต้องไปกินแพงขนาดนี้ แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนที่แชร์กับเขานะ แต่แค่ไปกับเขาแล้วรู้สึกไฮโซทำตัวไม่ถูก อันนี้ก็ไม่เคยกิน กินไม่ถูก คือเราไม่เคยอยู่ในสังคมแบบนี้ มีวันหนึ่งหนูถามเขาว่าพี่ต้องกินแบบนี้ตลอดไปเลยหรือเปล่า เสียดายตังค์ อนาคตเราต้องมีตังค์เท่าไหร่ถึงจะเลี้ยงทุกคนได้ เปลี่ยนเป็นร้านที่ถูกกว่านี้ได้ไหม พี่มิคบอกกลับมาว่า “โอเค ถ้าถามมาแบบนี้ งั้นกลับบ้านเดี๋ยวคุยกัน” ประโยคเดียวสั้น ๆ หนูก็เลยเงียบไปจนถึงบ้านเลย พอถึงบ้านเขาก็บอกว่า “พี่ขอพูดเลยนะว่าพ่อแม่มิคต้องมาก่อนเสมอ การที่พ่อแม่มิคส่งมิคไปเรียนเมืองนอก ส่งพี่ ๆ ไปเรียนเมืองนอก เขาต้องใช้เงินกับมิคเยอะมาก การที่มิคดูแลเขาแค่นี้ มันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของการที่เขาดูแลมิคเลย ถ้าคิดว่าไม่โอเคเลิกกันไปเลยนะ”

เขาจริงจัง เด็ดขาด และชัดเจนมากเรื่องครอบครัว วันนั้นหนูฟังแล้วรู้สึกว่าไม่เคยเจอผู้ชายพูดแบบนี้ แต่แทนที่หนูจะรู้สึกว่าแรง ไม่คุยดีกว่า หนูกลับคิดว่าชอบจังเลย เขาให้พ่อแม่เขามาก่อน เหมือนฉันเลย รู้สึกว่ามีคนเหมือนกันเลยทำให้เราก็รักเขามากขึ้นและก็เบาไปเลยกับเรื่องอื่น ๆ เพราะอย่างน้อยความคิดเขาก็เป็นคนรักครอบครัว แล้วหนึ่ง ถ้าเขารักครอบครัวรักพ่อแม่เขา เขาก็น่าจะรักเราและลูกด้วย เป็นข้อหนึ่งที่เรารู้สึกว่าอ่อนไปเยอะเลย เรื่องของชีวิตครอบครัว หลายคู่แต่งงานมีลูกกัน พอเจอปัญหาก็จบ แต่สำหรับเบนซ์ปัญหาแม้จะหนักขนาดไหนก็จะไม่ยอมให้มันจบ เบนซ์เคยคิดเรื่องนี้หลายครั้งมากเวลาที่เห็นข่าว สมัยก่อนที่ยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีลูก เคยคิดว่าจะทนเพื่ออะไร ทำไมต้องเสียใจ ถ้าเป็นฉันจะไม่ทน ฉันหาเงินเองได้ ดูแลตัวเองได้ ดูแลลูกได้ แต่พอมาวันนี้มีลูกแล้ว รู้สึกว่าความพยายามที่จะสร้างครอบครัวกันระหว่างเบนซ์กับพี่มิคมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ใช่เจอกัน 2 ครั้งแล้วก็รีบแต่งงาน รักกันทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี กว่าที่เราจะผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ กว่าที่จะแต่งงานก็เรื่องหนึ่งแล้ว เรื่องที่เราจะเป็นนักแสดงก็ต้องมีความระมัดระวังในการวางตัวในการเป็นแฟนกันในยุคก่อน ส่วนหนึ่งที่ทำให้เบนซ์พยายาม แล้วก็ไม่อยากทำให้มันแยกออกจากกัน เพราะเบนซ์ดูพ่อแม่เบนซ์เอง และดูพ่อแม่พี่มิครู้สึกว่าทุกคนมีปัญหาหมดเลย บ้านเราก็มีปัญหา แต่พ่อแม่เขาก็คุยกันได้ จนถึงทุกวันนี้เบนซ์ยังรู้สึกว่าเราอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ นั่นคือความฝันอันสูงสุดของเรา ความคิดตั้งแต่เด็กจนโตอยากเป็นแม่ที่อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนทุกวันนี้ รู้สึกว่าในทุกวันนี้เรามาอยู่ในความฝันที่สูงสุดแล้ว จะไม่ปล่อยให้มันหลุดออกไป เราเป็นครอบครัวแล้ว เบนซ์ไม่พร้อมที่จะแตก ไม่พร้อมที่จะแยกอะไรทั้งนั้นเลย อะไรที่เบนซ์ยอมได้เบนซ์ยอม อะไรที่เราไม่ยอมก็ขอคุย

เอาจริง ๆ นะสามีมีชู้แทบจะไม่อยู่ในสมองเลย นึกภาพเหล่านั้นไม่ออกเลยว่ามันจะเสียใจแค่ไหน เพราะว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ จะพยายามประคองมันให้ดีที่สุด จนกว่าลูกจะพูดว่าถ้าแม่ไม่ไหว แม่ออกมา แต่เบนซ์จะไม่เป็นคนพูด เชื่อว่าเราจะทำแบบนั้น เพราะยังอยากให้ครอบครัวเป็นครอบครัว แต่ถ้าสมมุติพี่มิคไม่ได้ให้เกียรติเรา ไปให้เกียรติทางโน้น และไม่ได้รักเราเลย อันนั้นอาจจะพูดได้เลยว่าโอเคถ้างั้นเลิก แต่ถ้าเขายังคงให้เกียรติเราแล้วก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิม เป็นคุณพ่อที่ดีดูแลเราไม่ได้มีการว่ากล่าวกันเบนซ์ก็ยังรู้สึกว่าเขาทำหน้าที่สามีได้โอเค

ก่อนหน้านี้เบนซ์ก็จะมีปัญหาชีวิต ไม่ค่อยมีอะไรกับพี่มิค เขาจะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขามาก แต่สำหรับเราก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา ไม่ได้เดือดร้อน ไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ผู้ชายไม่ได้ก็คือต้องมีไง เขารู้สึกว่าเวลาเบนซ์ปฎิเสธ เพราะเบนซ์รังเกียจเขา คือไม่ได้ปฎิเสธ แบบง่วงนอน พรุ่งนี้ได้ไหม ไม่ใช่ แต่เวลาเขาจะจับจะแบบ อืม!! ทันที แบบไม่ต้องจับได้ไหม ความรู้สึกเขาก็แบบจับเมียตัวเองก็ไม่ได้เหรอ เขาบอกรู้สึกแย่มากเลยนะว่าคนที่เขารักรังเกียจเหรอ มิคอ้วน มิคไม่หล่อใช่ไหม เป็นอะไร เหมือนเขาจริงจังมากเลยนะช่วงนั้น เบนซ์ก็บอกว่า “พี่มันไม่ใช่แค่พี่คนเดียวนะที่คิดว่าตัวเองไม่โอเค หนูก็คิดว่าหนูไม่โอเค เพราะช่วงที่หนูอ้วน ช่วงที่ท้องตัวใหญ่ แล้วเบนซ์รู้สึกว่าฉันเป็นคนที่เคยสวยมากเลยนะ (หัวเราะ) พอฉันอ้วน นม ตูด ใหญ่เบ้อเร่อ พุงห้อย ไม่ต้องเห็นไม่ได้เหรอ รู้สึกไม่โอเค มันเป็นความรู้สึกที่ผู้หญิงไม่อยากให้เห็น คือรู้สึกว่าอยากให้เขาจำแต่ภาพดี ๆ นึกออกไหม ตอนนั้นหนัก 86 กิโลเลยนะ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 495 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม