ครอบครัวนำร่าง “ครูมืด” ทำพิธีทางศาสนา “ครูเถิ่ง” น้องชายเผยคำสั่งเสียสุดท้าย ลูกศิษย์จัดการแสดงนาฏศิลป์ร่วมรำลึกทุกคืน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 พ.ย.2565 ที่ ศาลาแสงฉิม วัดบางรักใหญ่ ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ครอบครัวนำร่างของ “ครูมืด ประสาท ทองอร่าม “ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย สำนักการสั่งคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งจากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี ด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 5 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา มาตั้งบำเพ็ญกุศล รวมถึงทำพิธีรดน้ำศพ และพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพพร้อมบรรจุศพลงหีบ โดยมีครอบครัว เพื่อนพ้อง เหล่าลูกศิษย์ทั้งในและนอกวงการเดินทางมาร่วมอาลัยกันอย่างเนืองแน่ โดยในเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมาได้มีพิธีรดน้ำศพ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพพร้อมบรรจุศพลงหีบในเวลา 17.00 น. และสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรกในเวลา 19.00 น. สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมจะมีต่อเนื่องทุกคืนไปในเวลา 19.00 น. จนถึงวันที่ 12 พ.ย.2565 ก่อนจะมีพระราชทานเพลิงในวันที่ 13 พ.ย.2565 เวลา 17.00 น.


โดย “ครูเถิ่ง เกษม ทองอร่าม” น้องชาย “ครูมืด” เปิดใจกับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนหลังสูญเสียพี่ชายว่า “ครูมืดท่านถือเป็นพึ่งทางศิลปวัฒนธรรมคนหนึ่ง เป็นครูโขน เป็นตำนานนาฏศิลป์ไทยคนหนึ่ง ส่วนตัวรู้ข่าวว่าครูท่านป่วยมาเป็นปีแล้ว ระยะแรก ๆ ท่านใจสู้กับการรักษามาโดยตลอด จนกลับมาแข็งแรงระยยะหนึ่ง หมอก็บอกว่าหายเป็นปกติแล้ว สามารถไปถ่ายละคร แสดงภาพยนตร์ ใช้ชีวิตเป็นปกติได้ เว้นการให้คีโมแล้ว จากนั้น 3 เดือนเศษ ๆ โรคมะเร็งปอดกลับมาเล่นงานอีกครั้ง กลับมาคราวนี้เข้าขั้นรุนแรง คุณหมอถึงขั้นออกปากว่าโรคมะเร็งครั้งนี้ดุมาก เป็นการต่อสู้กันระหว่างโรคมะเร็งกับคุณหมอในหการรักษา แต่ครูมืดท่านก็สู้ตลอด กระทั้งระยะหลัง ๆ ท่านเรียกผมเข้าไปคุย บอกว่าท่านสู้ไม่ไหวแล้ว อย่ายื้อชีวิตท่าน ท่านไม่ต้องการเจ็บปวดหรือทรมานมากกว่านี้ ห้ามเจาะ ห้ามอะไรกับร่างกายทั้งสิ้น ขอให้ร่างกายท่านเป็นปกติที่สุด ส่วนคนในครอบครัวก็ทำใจว่ายังไงก็ต้องสูญเสียท่านไปอยู่แล้ว ทุกคนมีความเศร้าแต่ก็ยังพูดอะไรไม่ออก รอเวลา เพราะคุณหมอเองก็บอกไม่ได้ว่าครูมืดจะใช้ชีวิตได้อีกกี่วัน กี่เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายของครูมืดเองว่าจะต่อสู้กับโรคแค่ไหน เฝ้าดูอาการแบบวันต่อวัน

ส่วนครอบครัว พี่น้อง หลาน ๆ ทุกคนก็จะไปหาครูมืดตลอด ท่านก็จะเรียกหา เรียกเข้าไปคุย แล้วบอกให้พี่น้องทุกคนรักและสามัคคีกันเหมือนตอนที่ครูมืดยังอยู่ เพราะปกติแล้ววันเสาร์-อาทิตย์ ครูมืดจะเรียกพี่น้องทุกคนมาทานข่าวรวมกัน ครูมืดจ่ายเงินให้ทั้งหมด ให้ทำกับข้าวกินกันที่บ้าน ก่อนท่านจะเสียท่านบอกพี่น้องและลูกหลานทุกคนว่า “อย่าทิ้งกัน ให้รักกัน” ส่วนเรื่องโขนหรือการแสดงนาฏศิลป์ไทย พี่น้องทุกคนมีหน้าที่รักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ ของไทยอยู่แล้ว หลานทุกคนอยู่ที่สำนักงานสังคีต เพราะหลาน ๆ ทุกคนถูกส่งเรียนโขนหมด ผมเองก็อยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ ครูมืดฝากบอกว่า “อย่าทิ้งโขน ให้รักษาและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นโขนหรือละครเหมือนที่ครูมืดยังมีชีวิตอยู่ สิ่งสุดท้ายที่ครูมืดเป็นห่วงคือท่านเป็นห่วงหลาน ซึ่งเป็นลูกของลูกสาวผม ท่านอยากจะส่งเสียหลายคนนี้ให้จบโรงเรียนจิตรลดาให้ได้ และบอกให้พี่น้อง ครอบครัวรักกัน อย่าทิ้งโขน รักษาและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม สุดท้ายนี้ผมขอให้ไปอยู่สู่ที่อันเป็นมงคล ไปสู่สุคติ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น คนข้างหลังจะทำหน้าที่แทนครูมืดให้ดีที่สุด”

ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นพิธีสวดพระอภิธรรมจะมีการแสดงจากลูกศิษย์ลูกหาของ “ครูมืด” ทุกค่ำคืน และในวันพระราชทานเพลิงจะมีการจัดสร้างโรงโขนเพื่อแสดงโขน ชุด “ศึกพรหมาสตร์” และชุด “ท้าวมาลีวราชว่าความ” รวมถึงการแสดงลิเก การแสดงรำปะหน้า ระบำวานรพงศ์ เพื่อร่วมรำลึกถึงและเป็นเกียรติยศให้แก่บรมครูผู้ล่วงลับด้วย.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 340 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม