ยังคงเป็นดราม่าต่อเนื่อง สำหรับกิจกรรมช่วยเหลือสังคม “One Man And The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้” ของนักร้องนักแสดงหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน” ที่เตรียมว่ายข้ามแม่น้ำโขงไป-กลับประมาณ 15 กิโลเมตร เพื่อระดมทุนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์สนับสนุนช่วยเหลือโรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ในวันที่ 22 ต.ค. นี้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากชาวเน็ตส่วนใหญ่ที่ให้ความเห็นว่า กระแสน้ำ ใน “แม่น้ำโขง” ไหลเชี่ยว เป็นห่วงกลัวจะเป็นอันตราย ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยง เพราะอาจทำให้หมอ พยาบาล และทีมกู้ภัย ต้องเหนื่อย ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้ดำเนินงานได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ภารกิจนี้อยู่ในการประเมินด้านความปลอดภัยแล้วว่า เป็นไปได้ และมีการสำรองแผนความปลอดภัยอย่างรัดกุม ต่อมาการเผยแพร่เอกสารสรุปผลการประชุมจัดเตรียมงาน 33 รายการ และหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้เกิดคำถามว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้นำงบจากใครมาดำเนินการหรือจ่ายออร์แกไนซ์
วานนี้(18 ต.ค.2565)ผู้จัดการส่วนตัว “โตโน่” ได้ชี้แจงผ่านอินสตาแกรม โดยเป็นการนำคำชี้แจงจาก คุณกฤษณะ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจัดกิจกรรม โดยระบุว่า “เอกสารที่แผยแพร่ออกไปเป็นเอกสารชุดแรก ๆ ที่ได้เข้าไปพูดคุยกับจังหวัดนครพนม เพื่อหารือความร่วมมือกันว่า หน่วยงานไหนสามารถสนับสนุนอะไรบ้าง และส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่ทางหน่วยงานมีอยู่แล้ว นำมาช่วยเหลือกันตามกำลังที่มี ทางทีมโตโน่เป็นผู้จัดหามาลงด้วยตนเอง เราไม่ได้ไปเป็นภาระใคร อันไหนท่านช่วยเราก็ขอบคุณ อันไหนไม่มีเราก็นำไป เพราะเจตนาเราคือไปทำเพื่อการ “ให้” เป็นเป้าหมายสำคัญ
ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ “เก็บรักษ์” ได้เผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ “โตโน่” รวบรวม 7 คำถามที่หลายคนสงสัยบางส่วนออกมาแล้ว ซึ่ง”โตโน่” ก็ตอบชัดหลายประเด็น เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายของการจัดกิจกรรมนี้คืออะไร “โตโน่” ตอบว่า “ผมอยากช่วยโรงพยาบาลของทั้ง 2 ฝั่งคือนครพนมและท่าแขก หมอ พยาบาลขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้เห็นดูตาตัวเอง ไม่รู้จะปล่อยผ่านยังไง เพราะเห็นแล้วว่าเขาขาด เตียงไอซียูเด็กมีแค่ 6 เตียง อายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี ขณะที่เด็กที่เข้ารับการรักษามีวันละ 8 คน เห็นแม่อุ้มลูกรอเพื่อต่อคิวได้ใช้ ถ้าเราช่วยได้จะเพิ่มแค่ 1-2 เตียงก็ยังดี” ต่อด้วยคำถามที่ว่าทำไมต้องเป็นโรงพยาบาลนครพนมกับโรงพยาบาลแขวงคำม่วน คำถามนี้โตโน่ตอบว่า “นครพนมเป็นจังหวัดที่กำลังขยาย มีเรื่องของการก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูง มีเรื่องของแรงงานและโรคติดต่อ ส่วนใหญ่เราจะชอบแก้ปัญหาในตอนที่มันเกิดขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่ผมไปรับรู้มาคือทาง ผอ. บอกผมว่ามันมีสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิด เดี๋ยวเครื่องมือจะไม่พอแบบมาก ๆ เพราะคนจะเยอะขึ้น ทั้งแรงงานที่เข้ามา นักท่องเที่ยว รวมถึงคนนครพนมอยู่แล้ว และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงพี่น้องฝั่งลาวด้วย ที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน แต่การช่วยเหลือครั้งนี้เราช่วยเขาแก้ปัญหาระยะยาวด้วย”
ต่อด้วยคำถามที่ว่าเมื่อโรงพยาบาลมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอทำไมถึงไม่สามารถจัดหารอุปกรณ์เหล่านั้นได้เอง โตโน่ชี้แจงข้อนี้ว่า “เป็นปัญหาเหมือนกับทุกโรงพยาบาลคืองบมันไม่พอ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกวัน มันไม่ใช่แค่คนนครพนม แต่รวมถึงนักท่องเที่ยวและคนในจังหวัดใหกล้เคียงด้วย รวมถึงเคสหนัก ๆ ที่ฝั่งลาวก็ส่งมาที่โรงพยาบาลนครพนมด้วย เชื่อว่าเกือบทุกโรงพยาบาลมีการรับบริจาคหลายโครงการ แต่พอได้เป็นเห็นกับตาก็รู้สึกว่าผมพอจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง เสียงของเราอาจจะไปถึงคนได้มากขึ้น เราหวังอย่างนั้น” ส่วนคำถามที่ว่าทำไมถึงเลือกว่ายน้ำ โตโน่ตอบว่า “เราขาดอยู่เยอะประเทศเรา ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ผมเห็นว่าการว่ายน้ำมันดึงความสนใจได้ เพราะตอนนั้นมันเป็นเรื่องสัตวื มันไกลตัวคน เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องของคนโดยตรง แต่เราจะเชื่อมยังไงว่าถ้าสิ่งแวดล้อมมันแย่คนแย่ด้วยนะ แล้วผมรู้สึกว่าการว่ายน้ำมันเกิดการตั้งคำถามได้มากที่สุด คอนเสิร์ตเล่นเปลี่ยนโลกเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาไม่มีใครมาด่าผมสักคน แล้วมีคนรู้จักไหมว่าผมทำ แต่ครั้งนี้เขาขาดเยอะ มันเป็นเรื่องที่ใหญ่และเกินตัวผม ไหนจะเรื่องระบบนิเวศน์ในแม่น้ำโขงที่มันจะพังอีก ผมรู้ว่าจะต้องโดนแหละ แต่ในการโดนนี้เราจะได้อธิบายใน 100 คน ฟังผมสักคนผมก็ดีใจแล้ว” โดยความตั้งใจทั้งหมดและได้รับความร่วมมือจากทุกคน ซึ่งตอนนี้ยอดก็ทะลุไป 5 ล้านบาท และเมื่อช่วงเช้าวันนี้(19 ต.ค.2565) “โตโน่” และทีมงานได้เดินทางไปถึงจังหวัดนครพนมแล้ว ซึ่งทีมงานทุกคนลงไปเช็กจุดว่าย แต่โตโน่ไม่ยอมลงขอนั่งรอในรถ ขณะที่ทีมงานก็เล่าให้ฟังว่าตอนลงไปเจอคนในท้องที่ เขาฝากมาบอกโตโน่ว่เป็นกำลังใจให้ สู้ ๆ นะ” จากนั้นทีมงานได้พูดต่อว่าตื่นเต้นเนอะ โตโน่ก็พยักหน้ารับ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน