“บิณฑ์ – ไทด์” เผย “ยอด นครนายก” เสียชีวิตเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน ลูก-ญาติ ไม่ติดใจแล้ว ยอมรับผลชันสูตร

จากกรณีการเสียชีวิตของอดีตดาวตลกชื่อดังอย่าง “ยอด นครนายก” ซึ่งจากไปอย่างสงบเมื่อช่วงสายของวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา หลังป่วย อาการทรุด เดินไม่ได้ สร้างความตกใจให้กับแฟนๆ มากมาย รวมถึง สองนักแสดงจิตอาสาอย่าง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และ “ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” ที่ก่อนหน้านี้ ได้เดินทางไปเยี่ยมหลังทราบข่าว และเตรียมพามารักษาตัวที่บ้านสุขสุดท้ายในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคมที่จะถึงนี้ แต่ไม่ทันเพราะอดีตตลกคนดังเสียชีวิตก่อน ญาตินำร่างไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่วัดเอี่ยมประดิษฐ์ อำเภอเมืองนครนายก ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกันทางญาติได้ขอให้ระงับการนำร่างมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก่อน เพราะต้องการให้มีการผ่าพิสูจน์ชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่นอน โดยร่างของอดีตตลกถูกส่งไปทำการผ่าพิสูจน์ ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มศว นครนายก ส่วนกำหนดการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ต้องรอให้ผลการชันสูตรออกมาก่อน แล้วทางญาติจะประกาศออกมาอีกครั้ง


ล่าสุด “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เผยถึงผลชันสูตรของ “ยอด นครนายก” ว่า “ทางโรงพยาบาลบอกว่าสาเหตุการเสียชีวิตมากจากกล้ามเนื้อหัวใจและหัวใจล้มเหลว จากการที่พบกันล่าสุดตอนที่ไปเยี่ยมพี่ยอดมีอาการทุรนทุราย และเมื่อสักครู่น้องสาวของพี่ยอดเอาคลิปให้ดู แกดูทุรนทุรายมาก พยายามจะเอาอากาศเข้าไปในตัวเอง แต่ญาติไม่ได้บอกใคร คิดว่าเป็นอาการปกติ ทั้งที่มันไม่ปกติ เพราะแกก็เป็นแบบนี้ตลอด กระทั่งรุ่งขึ้น แกไม่ไหว หลานเรียกรถพยาบาลมา แต่พี่ยอดก็หมดแรงไปก่อนแล้ว จึงเกิดความสงสัย ไม่ใช่แค่ญาติ ผมเองก็สงสัย เพราะมันกะทันหันมาก ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลย แต่ตอนนี้มีผลยืนยันจากแพทย์แล้วว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากกล้ามเนื้อหัวใจและเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าแกอาจจะะเครียด เพราะเราไปบีบคั้นให้แกไปอยู่บ้านสุขสุดท้ายหรือเปล่า ทั้งที่เราก็หวังดี อยากจะให้แกหายเป็นปกติ เพราะแกยังดูเหมือนปกติ ไม่เป็นอะไรเลย กล้ามเนื้อขาก็ไม่ได้ลีบมาก สามารถกายภาพบำบัดได้ ก่อนที่แกจะเสีย ลูกชายแกโทรมาหาบอกให้พ่ออดทน แกก็พยักหน้ารับปากกับลูก แต่พอตอนนี้ผลชันสูตรออกแล้ว ญาติก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

ส่วนกำหนดการจัดงานบำเพ็ญกุศล จะสวด 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 25-27 ส.ค.2565 ก่อนจะฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 28 ส.ค.2565 และตอนนี้ทางครอบครัวกำลังทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงอยู่ เพราะพี่ยอดเป็นรองนายกเทศมนตรีมา 5 สมัย และเป็นจิตอาสากับมูลนิธิปอเต๊กตึ๊ง 20 ปี พี่ยอดสมควรจะได้รับสิ่งนี้เพื่อเป็นเกียรติกับตัวแกและครอบครัว ในส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ผมกับคุณเอกพันธ์จะเป็นคนดูแล ญาติพี่น้องของพี่ยอดเขาก็ไว้ใจให้เราจัดการทั้งหมด ด้วยความที่พี่ยอดไม่ได้อยู่กับลูกเมีย แกอยู่ในความดูแลของญาติพี่น้อง พอแกเสียทั้ง 2 ฝ่ายมาร่วมงาน เราก็ต้องเป็นกาวใจให้ เท่าที่คุยผมเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย จริง ๆ ลูก ๆ อยากจะเอาตัวแกไปอยู่ด้วย แต่พี่ยอดแกจะอยู่คนเดียว เพราะ 3-5 ปีที่แล้วแกมีเรื่องในใจ ในเมื่อเป็นความต้องการของพ่อ ลูก ๆ ไม่ก็ฝืน ไม่ใช่ว่าเขาทอดทิ้ง ไม่ดูแล ลูก ๆ คอยโทรมาคุย มาถามไถ่ตลอด และส่งเงินมาดูแลตลอด แกก็บอกลูก ๆ ว่าแกสบายดี แต่ไม่บอกสิ่งที่ติดอยู่ในใจ พี่ยอดอยู่คนเดียวมา 2-3 ปี ก่อนที่น้องสาวแกจะกลับมาดูแล เพราะเป็นห่วงพี่ชาย ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ช่วยได้ไม่สุด ไม่อยากจะคิดว่าเราเป็นตัวการที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ เจตนาที่เข้าให้ความช่วยเหลือ เพราะเราหวังดีจริง ๆ ไม่ได้หิวแสง เห็นใครเดือดร้อนผมก็อยากให้ความช่วยเหลือ ขอให้ดวงวิญญาณของพี่ยอดไปสู่สคติที่ดีที่สุด

ด้าน “ไทด์ เอกพันธ์” ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “วันนี้ผลชันสูตรออกมาแล้ว แพทย์แจ้งว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พี่ยอดเสียชีวิต คือ เส้นเลือดตีบ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หลัก ๆ มีแค่นี้ เหมือนกล้ามเนื้อหัวใจบีบเลือดเข้าไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้ ทำให้หัวใจวายเฉียบพลัน ถามว่าแกมีโรคประจำตัวเยอะหรือเปล่า มีไม่เท่าไหร่ครับ ไปหาหมอมา หมอก็ให้กลับบ้าน เท่าที่เป็นก็มีความดัน กระดูกต้นคอเสื่อม เส้นเลือดในสมองตีบเท่านั้นเอง ก่อนที่แกจะเสียแกก็ยังเดินได้อยู่ วันที่พาแกไปโรงพยาบาล กลับมาก็ยังเดินไปเดินมา เข้าออกนอกบ้าน มานั่งเล่นอยู่ แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแกทรุดลงไปมาก แกไม่พูด ไม่กินข้าว ไม่อะไรทั้งสิ้น ทุกคนก็สงสัยว่าแกเป็นอะไร ถามก็ไม่พูด ตอนที่ผมไปเวลาที่ถาม แกก็พยักหน้าส่ายหน้าเหมือนเดิม บอกให้แกชู 2 นิ้ว แกก็ชู 2 นิ้ว แกรู้หมดทุกอย่าง แต่แกไม่ทำ เหมือนแกรู้สึกอึดอัด เป็นอะไรแกไม่พูด ไม่บอก สรุปแล้วคือแกเสียชีวิตเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน ญาติให้กินยา กินนม กินน้ำอย่างเดียว ไปหาหมอ เขาก็ให้กลับบ้าน ตรวจร่างกายแล้วแกก็ยังดีอยู่ หมอก็ให้ยากลับมากินที่บ้านไม่ได้นอนโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ลูก ๆ ของพี่ยอดสงสัยว่าทำไมพ่อเขาเสียชีวิตเร็วจัง แต่พอหมอชันสูตรออกมาแบบนี้ เขาก็ไม่มีอะไรติดใจ เขายอมรับ จากนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดงานศพและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อ“.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 998 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม