“นายษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม’ เดินทางมาเลือกตั้ง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พร้อมกับ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงเรื่องความเคลื่อนไหวในเฟสบุ๊คของ “แตงโม”
ว่าเฟสบุ๊คและไอจีส่วนตัวของ “แตงโม” นั้นทราบว่าเป็นฝีมือของ “บังแจ็ค” เนื่องจากได้รับข้อมูล จาก “นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน” แม่ของแตงโม ว่าได้ให้รหัสของโทรศัพท์ให้กับบุคคลหนึ่ง ที่อาสาจะช่วยเหลือคดีแตงโม และบุคคลนี้ ได้นำเอาข้อมูลนี้ไปให้บังแจ็ค ที่อยู่ต่างประเทศ เนื่องจากหากโพสต์หรือติดนำข้อมูลมาเปิดเผยที่ประเทศไทยก็จะถูกติดตามตัวได้ง่าย ดังนั้น จึงให้บังแจ็คที่อยู่ต่างประเทศ นำข้อมูลของแตงโมออกมาโพสต์
สังเกตจากการโพสต์รูปและข้อความต่าง ๆ ที่โพสต์รูปกระติกตนอยู่บนเรือ พร้อมข้อความว่า ขอผู้ใจดี “ปล่อยเพจให้เราหน่อยเราจะเปิดวีรกรรมเพื่อนรักเรา” จากนั้น ไอจีของบังแจ็ค
มาตอบคอมเม้นว่า “เอาเพจเราไปเลยครับ” และมีการสนทนาตอบกลับจากแตงโม ว่า “หนูใช้เฟสพี่ได้ ใช่ไหมคะ? “ แล้วนอกจากนี้ ลักษณะการใช่ภาษา เหมือนกันที่บังแจ็ค ส่งข้อความไปข่มขู่ ส.ส. “วัน อยู่บำรุง”
ตนมองว่านี่คือหลักฐานชัดเจนว่าเป็น “บังแจ็ค” ลักษณะเป็นการพิมพ์เองตอบเอง ส่วนตัวมองว่าวัตถุประสงค์ที่ออกมาทำแบบนี้ เพราะต้องการหาแสงและปั่นป่วนคดี ไม่ได้อยากจะมาช่วยเหลือจริง ๆ เพราะผ้าขาวที่บอกจะส่งมาให้นั้น ก็ยังส่งมาไม่ถึงประเทศไทยเลย
สำหรับการที่แม่เอาข้อมูลส่วนตัวของแตงโมไปเปิดเผยให้กับบุคคลที่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องทางคดีมันส่งผลเสียเป็นอย่างมาก เพราะเวลามีใครคิดถึงแตงโม ก็จะไปเปิดเฟสบุ๊คดูความภาพในอดีต ก็จะคลายความคิดถึง แต่ตอนนี้เฟสบุ๊คถูกปิดไปแล้ว คิดว่า แม่น่าจะรู้แล้วว่า สิ่งที่ทำลงไปมันเป็นผลเสีย ซึ่งเรื่องนี้ มองว่า หากแม่ไปแจ้งความตำรวจจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียด
ส่วนเหตุผลที่แม่ให้คนสนิทติดต่อตนเองมานั้น มีกระแสข่าวว่า คุณแม่เริ่มถอดใจจาก ทนายเดชา ทนายความส่วนตัว เพราะไม่มีเชื่อความเชื่อมั่น หลังจากที่ตำรวจได้แถลง แล้วนำภาพมาจากกูเกิ้ล ทำให้หมดความน่าเชื่อถือ ซึ่งยืนยันว่าตนจะไม่รับเป็นทนายความให้แม่ เพราะไม่ชอบแย่งคดีหรือแทงข้างหลังใคร จึงเป็นไปได้ว่าแม่อาจจะเททนายเดชา แล้วไปหาเพื่อนรักของเขาแทน
ส่วนกรณีที่นายอัจริยะ เปิดหลักฐานสำคัญทางคดีก็รอดูอยู่ พร้อมกับ ชื่นชมความพยายามในการหาหลักฐานออกมาเปิดเผย แต่ข้อมูลที่เปิดเผยออกมานั้น จะมีความแปลกใหม่หรือคดีพลิกได้หรือไม่นั้น ต้องรอดู เพราะข้อมูลก่อยหน้านี้ที่ออกมา มองว่า มันคือข้อมูลเดิมที่ไม่มีความแปลกใหม่ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน