เวลา 11.00 น. “นายษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เดินทางมายังอู่ต่อเรือดังกล่าว เพื่อตรวจสอบกายภาพของตัวเรือลำที่เกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยบางอย่าง ที่ยังคิดค้างอยู่ในใจ
ทนายตั้ม กล่าวว่า เมื่อวานที่ผ่านมาหลังมีสื่อมวลชนหลายแขนงโทรมาสอบถามเข้ามาเยอะ ทำให้ตนเกิดข้อสงสัยอย่างหนึ่ง จนนอนไม่หลับ และคิดวนเวียนว่าจะต้องมาดูเรือลำดังกล่าวให้เห็นกับตา
จากการสำรวจกายภาพของเรือ เชื่อว่าบาดแผลที่ขาของ “แตงโม” ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าเป็นบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือ แผลจะมีลักษณะเละกว่านี้ และมีมากกว่า 1 บาดแผล ส่วนตัวตนคิดว่าแผลที่พบน่าจะเกิดจาก หางเสือตัวล่างใต้ใบพัดเรือ และ หากแผลดังกล่าวเกิดจากหางเสือ ใต้ใบพัดเรือจริง ก็จะทำให้เชื่อได้ว่า แตงโมไม่ได้ตกจากด้านท้ายเรือ เพราะถ้าตกจากด้านท้ายเรือด้วยความเร็วของเรือที่ขับ กระแสน้ำที่ไหลผ่านจากหัวเรือมาด้านหลัง ตัวของ แตงโม จะไม่ถูกดูดกลับมาที่ใต้ท้องเรือแน่นอน จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นการตกจากด้านข้างหรือด้านหน้ามากกว่าหรือไม่ ซึ่งเรื่องอยากให้นักวิทยาศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาข่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือความน่าจะเป็นในจุดนี้อีกครั้งว่าทำไมถึงตกลงไปได้ รวมถึงอยากให้มีการเก็บฟินใต้ใบพัดเรือไปตรวจสอบเก็บหลังกฐานร่องรอบต่างๆ โดยเฉพาะดีเอ็นเอ
ทนายตั้ม กล่าวต่ออีกว่า แม้คดีดังกล่าวจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากระทำการประมาทขนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต ไปแล้ว 2 คน แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าน่าจะมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลในเรือเพิ่มเติมอีก 1 คน และเชื่อว่าน่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ตัวกับแตงโม มากที่สุดช่วงเกิดเหตุ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ “นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์” หรือ “แซน” แต่ทั้งนี้ก็ยังเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ดังนั้นมุมมองของตนจึงเชื่อว่า นายวิศาพัช อาจจะถูกตั้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เช่นเดียวกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแรก
พร้อม ยืนยันว่า สำหรับคดีดังกล่าวตนไม่ได้เป็นทนายให้กับฝ่ายจำเลยแม้แต่คนเดียว และพวกเขาเองก็มีทนายอยู่แล้ว ซึ่งวันแรกที่คุยกันเพราะเข้ามาขอคำปรึกษาทางคดี ตนยังบอกว่าถูกดำเนินคดีข้อหาประมาทแน่นอน แต่การที่ตนต้องเข้ามาในวันนี้ เพราะส่วนตัวรู้จักกับ แตงโม เขาเคยกินข้าวกับลูกๆของตน จึงอยากมาข่วยเท่านั้นเอง .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน