“ป๊อก” ช็อก! ตรวจเจอเนื้องอกในสมอง ขอโอกาสอีกครั้งเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด

ทำเอาแฟนคลับและคนรอบข้างเข้ามาคอมเมนต์สอบถามด้วยความเป็นห่วงและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หลังเห็น “ป๊อก ภัสสรกรณ์” โพสต์ภาพขณะตนเองกำลังนอนผู้บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลและวิดีโอคอลหาลูกแฝด “น้องมีก้า-น้องมีญ่า” ซึ่งบริเวณหน้าผากของป๊อกโดยมีผ้าปิดแผลขนาดใหญ่ติดอยู่ ล่าสุด “ป๊อก” ได้เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านรายการ “ป๊อกกี้ On the run SS4 EP50” ทางช่อง Youtube : Mindset TV ระบุว่าตนมีอาการหูอื้อและปวดหัวโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังคุณหมอทำ MRI ก็พบว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในสมอง ต้องรีบผ่าตัดออกโดยด่วน ทำเอาป๊อกและภรรยาสาว “”ที่ดูแลอย่างใกล้ชิดช็อกไปตาม ๆ กัน

โดย “ป๊อก”เผยว่า “ก่อนหน้านี้ตนมีอาการปวดหัวร่วม 1 เดือน ไปหาหมอมาหลายที่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าสาเหตุคืออะไร กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ตนเริ่มมีอาการหูอื้อพร้อมกัน 2 ข้างและปวดศรีษะอย่างรุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะเครียดหรือนอนไม่พอ หรืออาจจะน้ำในหูไม่เท่ากันหรือเปล่า พอไปหาหมอโรคหู ตา คอ จมูก แต่ผลก็ออกมาว่าทุกอย่างปกติ แต่คราวนี้อาการหูอื้อหนักขึ้น มีอาการเกือบทุกวันควบคู่กับการปวดบริเวณท้ายทอย เหมือนมีคนเอามือมาบีบหัว เป็นทุกวัน วันละ 4-5 รอบ รู้สึกอาการไม่ค่อยดี เลยตัดสินใจขอให้คุณหมอทำ MRI(การตรวจด้วยเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถให้ภาพความคมชัดสูง) เพื่อให้ทราบผลชัดเจนไปเลย แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะคุณหมอตรวจพบก้อนเนื้องอกในสมองขนาดเท่ากับลูกปิงปอง ต้องรีบผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกให้เร็วที่สุด


เจ้าตัวยอมรับว่าตอนได้ยินรู้สึกตกใจ เพราะเคยมีประสบการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวที่เคยผ่าตัดสมอง แล้วไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ทำให้รู้สึกกลัวว่า แอบคิดว่าถ้าหากตนโชคไม่ดี ไม่ฟื้นกลับมา ครอบครัวจะเป็นยังไง เพราะไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจมาก่อน สิ่งแรกที่ลอยมาตอนนั้นคือหน้าลูกและครอบครัวของตน ฟังคุณหมอพูดไปน้ำตาไหลไป ไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจกับสิ่งพวกนี้มาก่อนเลย ณ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร นอกจากบอกตัวเองว่านี่คือสัญญาณเตือนให้ตนต้องเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต อยากจะมีโอกาสอีกสักครั้งให้ได้มีชีวิตอยู่กับครอบครัวของตน ตนรู้แล้วว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดไม่มีอะไรมีค่าเลยหากตนไม่มีชีวิตอยู่กับคนในครอบครัว สิ่งที่ขอก่อนเข้าห้องผ่าตัดในวันที่ 24 พ.ย. คือไปไหว้พระที่บ้านและที่โรงพยาบาล ขอว่า ถ้ามีโอกาสอีกสักหนึ่งครั้ง ขอมีชีวิตอยู่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด ไม่คิดว่าวัยแค่ 35 ปี ก็มีสิทธิที่จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ทำให้มองเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลายคนอาจไม่ได้มองเห็นความสำคัญของชีวิตตัวเอง จนกระทั่งได้มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้รู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต และหวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อย

ทั้งนี้หลังจากผ่าตัดพบว่าก้อนเนื้อมีขนาดเกือบเท่าลูกเทนนิส นอกจากนี้ยังมีเลือดออกในสมอง หมอสันนิษฐานว่าเจ้าตัวอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปี เนื่องจากมีอาการเหมือนผู้ป่วย “มะเร็งสมองระยะสุดท้าย” นั่นเอง แต่เมื่อผลตรวจออกมา นับว่าเป็นโชคดีที่ไม่เชื้อเนื้อร้าย แต่เป็นเนื้องงอกที่พบในเด็ก ซึ่งเคสแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่น้อยมาก ในเมืองไทยแทบไม่มี แต่เป็นเนื้องอกที่ปลอดภัยและอันตรายน้อยที่สุด ทำให้ในวันนี้เจ้าตัวมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวอีกครั้ง.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 8,137 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม