สุดปัง! “ยุ้ย-ธันน์” ผันตัวค้าขายออนไลน์รายได้ 3 ชั่วโมง 3 ล้าน

คู่สามีภรรยาที่หวานชนิดน้ำตาลเรียกพี่ ซึ่งเป็นการเปิดบ้านพาชมมุมต่างๆ ครั้งแรก! กับ “วู้ดดี้โชว์” ที่เจ้าตัวถึงกับเอ่ยว่ายังไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน สำหรับ “ยุ้ย จีรนันท์” กับสามีสุดที่รัก “ธันน์ ธนากร” ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นซุปตาร์ออนไลน์ ที่มีรายได้ถล่มถลายยอดขายทะลุหลักล้าน แท็กทีมกันมาเผยเทคนิคสุดปังฟังแล้วต้อง CF แบบรัวๆ พร้อมเปิดตัวลูกติด “ยุ้ย-ธันน์” ใครกันนะ!?!


วันนี้เราจะได้พูดคุยกันแบบข้ามจังหวัด แขกรับเชิญตอนนี้อยู่จังหวัดสระบุรี นอกจากเป็นซุปตาร์ระดับประเทศแล้ว ตอนนี้ยังกลายเป็นซุปตาร์ออนไลน์อีกด้วย ตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้พูดคุยกับสองสามีภรรยา ขอต้อนรับ ยุ้ย จีรนันท์ และ ธันน์ ธนากร สบายดีไหมครับ ?

ยุ้ย : สบายดีค่ะ รู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ สัมภาษณ์กันข้ามจังหวัด


ธันน์ : สบายดีครับ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีนะครับ

ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับบอกทุกคนหน่อย ?

ธันน์ : ตอนนี้เรา 2 คนอยู่ที่จังหวัดสระบุรีครับผม


ยุ้ย : ใช่แล้วค่ะ บ้านหลังนี้ก็คือบ้านที่เราสร้าง เป็นเรือนหอของเรานี่แหล่ะค่ะ ปลูกเสร็จ 3 ปีแล้ว อยู่กันมาตั้งแต่แต่งงานกันมาก็ 2 ปีกว่าแล้ว ที่บ้านหลังนี้ก็มีครอบครัวของยุ้ยอยู่ด้วยค่ะ อยู่กันประมาณ 20 กว่าชีวิตได้

ธันน์ : บ้านหลังนี้เราซื้อที่ดินมาตั้งแต่ 8 ปีแล้ว แล้วก็ค่อยๆ ตกแต่งมาเรื่อยๆ ครับ ตั้งแต่ทำร้านอาหารมาก่อน แล้วก็ต่อเติมมาเรื่อยๆ ถือว่ารายการพี่วู้ดดี้เป็นรายการแรกเลยนะครับที่ได้เปิดบ้าน

บ้านดูอบอุ่นมากเลยนะครับ มีโอกาสใช้สระว่ายน้ำบ่อยไหม เพื่อนไปเที่ยวบ่อยไหมครับ ?

ยุ้ย : ได้ใช้สระว่ายน้ำบ่อยเลยค่ะ ถ้าก่อนโควิดเพื่อนๆ มาทุกอาทิตย์ค่ะ แต่ช่วงนี้เว้นระยะกันค่ะ

ธันน์ : เพื่อนมาบ่อยครับ

ได้ข่าวว่าที่นั่นมีพี่น้องอยู่ด้วยกันถึง 20 ชีวิต ?

ยุ้ย : คือเราจะมีทั้งบ้านคุณแม่ บ้านคุณน้า และก็บ้านพี่สาว และก็หลานๆ ก็จะอยู่บริเวณนี้ทั้งหมดค่ะ

ธันน์ : อยู่กันประมาณ 5 ครอบครัวครับ

ตอนนี้ทั้งยุ้ยและธันน์ได้ผันตัวมาเป็นผู้ค้าขายออนไลน์ นอกจากจะใช้ความสามารถแล้วต้องอดทนเป็นอย่างมาก ทำไมถึงตัดสินใจมาขายออนไลน์ ?

ยุ้ย : ต้องบอกก่อนว่า ยุ้ย เป็นแม่ค้ามาตั้งแต่เด็ก เราช่วยพ่อแม่ขายของมาตลอด ในตอนที่ปิดเทอม ยุ้ยจะเป็นเด็กที่บอกได้เลยว่าขยันมาก ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยไปวิ่งเล่นจะขายของตลอดจะขอเงินคุณตาคุณยายไปลงทุนซื้อไข่นกกระทามา หรือขายขนมหวานบ้าง คือนิสัยตัวเองจะเป็นแม่ค้ามาตลอดแต่พอโตขึ้นด้วยชีวิตที่พลิกผันดวงหรืออะไรต่างๆ ทำให้เราโชคดีเข้ามาอยู่ในวงการเป็นนักแสดงตามอาชีพที่เราฝันเอาไว้และรักมากที่สุด จริงๆ แล้วสายเลือดแม่ค้ายังคงมีอยู่ในตัวเสมอ ด้วยความที่ออนไลน์บูมมากในช่วงนี้ แล้วก็เจอเหตุการณ์อะไรหลายๆ อย่างที่เห็นว่าตอนนี้ทุกคนผันธุรกิจมาทางออนไลน์กันหมดแล้ว ในเมื่อคนอื่นทำได้ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ ซึ่งก็มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจออนไลน์ เลยคิดว่าฉันต้องทำได้ ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น การปรับตัวที่เราต้องอยู่กับชีวิตที่มันเป็นไปได้ อย่างตอนนี้เป็นปีๆ แล้วที่ต้องหยุดถ่ายละคร ถ้ายุ้ยที่ต้องหยุดไปด้วย ครอบครัวจะอยู่ยังไง ร้านอาหารที่ต้องปิดไปเพราะพิษโควิดจะอยู่ยังไง จึงทำให้เราต้องกลับมาฮึดสู้ ฉันต้องกลับไปยืนหยัดในธุรกิจออนไลน์ให้ได้ ต้องบอกก่อนเลยว่าร้านอาหารที่สระบุรียุ้ยเปิดให้ครอบครัว มี แม่ พี่น้อง หลานๆ อยู่กัน 20 ชีวิต แต่พอมาโควิดรอบ 3 เราสู้ไม่ไหวจริงๆ ธุรกิจร้านอาหารปิด เราก็ต้องทำอะไรเพื่อต่อยอด เลี้ยงลูกน้องหรือเลี้ยงครอบครัว 20 ชีวิตได้

ธันน์ : เหมือนการสร้างอาชีพให้เขาครับ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ทำอะไรตลอดเวลาอยู่แล้ว ด้วยการที่เรามีคนเยอะ เราก็ต้องหาอาชีพให้เขาด้วย

เมื่อก่อนจะเห็นยุ้ยขายของกับเพื่อนๆ ตอนนี้มีธันน์มาช่วยด้วย ?

ยุ้ย : ดีค่ะ พอธันน์มาช่วย Live รู้สึกดีมากตรงที่เราช่วยกันเป็นกำลังใจให้กัน เราทำมาหากินอยู่หน้าห้องนอนของเรา ไม่ต้องออกจากบ้าน ไม่ต้องไปไหน หาเงินได้อยู่ในบ้านของเรา มันพิเศษที่สุดเลยค่ะ

ธันน์ : ตอนแรกที่เราทำเพจนี้กัน 2 คนขึ้นมา คืออยากจะช่วยเพื่อนๆ เพื่อนดาราที่มีสินค้าต่างๆ ช่วยกระจาย ด้วยสถานการณ์แบบนี้ทุกคนไม่มีงาน ไม่มีรายได้เข้ามา ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นจุดหนึ่งเล็กๆ ที่เราได้ช่วยเพื่อนรอบข้างของเรา

ยุ้ย : ต้องบอกว่าเพจซุปตาร์ออนไลน์นอกจากจะช่วยเหลือครอบครัวยุ้ย ช่วยทำให้ทุกคนมีงานแล้ว ยังช่วยเพื่อนๆ พี่ป้าน้าอาหลายๆ ท่านที่ตอนนี้ขายของไม่ได้ หรือว่าตกงานกัน ไม่มีอาชีพให้ทุกคนได้ขายของด้วยกัน คือสิ่งที่ดีที่สุดเลยค่ะ

อยากถามพ่อค้าแม่ค้าคู่นี้หน่อยว่าขายได้มากที่สุดวันหนึ่ง เอาแบบตัวเลขกลมๆ เลยวันที่ดีที่สุด ประมาณเท่าไหร่และใช้เวลากี่ชั่วโมง ?

ยุ้ย : 3 ชั่วโมง 3 ล้านค่ะ

เทคนิคในการทำได้ขนาดนั้นคืออะไร ?

ธันน์ : แต่ต้องบอกก่อนว่าแรกๆ เรามีสินค้าที่ขายไม่ได้เลยก็มีนะครับ บางทีเราก็นั่งเครียดกัน แต่พอสักพักเริ่มจับจุดแล้วครับว่า อ๋อ! คือลูกค้าเรามีหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องของแพงมาก ขายอะไรที่จับต้องได้ดีกว่า ขายเอาจำนวน

ยุ้ย : ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ที่ใจด้วยค่ะ การเป็นพ่อค้าแม่ค้าสิ่งแรกเลยต้องซื่อสัตย์ ยุ้ยเชื่อว่าการที่เรามีทุกวันนี้ได้ เราอยู่กันมา 6-7 เดือนแล้ว ลูกค้าเรามีแต่เพิ่มขึ้น ยอดขายสูงขึ้นทุกวัน ของบางอย่างยุ้ยบวกกำไรน้อยมาก กล้าพูดเลยว่าบางอย่างยุ้ยบวกกำไรแค่ 20 บาท บางอย่างไม่ถึงด้วยไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้เศรษฐกิจแบบนี้ต้องใจเขาใจเรา ถือว่าช่วยเหลือกัน คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันออกมาจากใจที่ปรารถนาดีจะทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ แล้วก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจของเราทั้ง 2 คน การเป็นตัวของตัวเองยุ้ยเชื่อว่าคนที่เขารักเราอยู่แล้วที่ได้ชมผลงานของเรา พอเขาได้มาเจอหรือสัมผัสตัวตนจริงๆ ผ่านหน้ากล้อง Live สด เขายิ่งรักเรามากขึ้น เราเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่แก้ปัญหาช่วยเหลือ ลูกค้ามีปัญหาแบบนี้มาอยากได้คำแนะนำ เรายินดี ไม่ใช่สักแต่ว่าขายๆ ของ เราไม่ใช่แบบนั้น ดีบอกดี อันไหนไม่ดีก็บอกไม่ดี สิ่งนี้ยุ้ยเชื่อว่าลูกค้าค่อนข้างประทับใจ แล้วก็รักในตัวเรา

ธันน์ : เราขายไปก็อยากให้ลูกค้ามีความสุขคิดกันแบบนี้

เรามาคุยเรื่องนี้กันบ้างดีกว่าทั้งคู่แต่งงานกันมาแล้ว 2 ปี ใช้ชีวิตด้วยกันมาจนถึงวันนี้สามารถใช้คำนี้ได้ไหม “เลือกไม่ผิดจริงๆ”

ธันน์ : ใช้ได้ครับ ด้วยความที่ผมตรงไปตรงมา จะไม่ค่อยรอบคอบในหลายๆ อย่าง ความคิดจะตรงไปตรงมามาก โมโหคือโมโห โกรธคือโกรธ พออยู่กับยุ้ยทำให้ผมใจเย็นขึ้นมาก มีสติขึ้นเยอะมากเลยครับจากเมื่อก่อนตอนวัยรุ่น

ยุ้ย : อย่างยุ้ยเอง กล้าพูดได้เลยค่ะว่าเลือกไม่ผิด คิดตั้งแต่ก่อนตัดสินใจที่จะแต่งงานแล้ว การที่จะแต่งงานกับใครสักคนเราก็ต้องคิดให้รอบคอบ พอแต่งงานกันมาทุกวันนี้ 2 ปีกว่าแล้ว รู้สึกว่าคิดไม่ผิด เข้าใจกันมากขึ้น ยิ่งอยู่ยิ่งรักกันมากขึ้น อย่างทุกวันนี้เราผูกพันกันมากๆ เป็นกำลังใจให้กัน ช่วยกันทำมาหากิน

ได้ข่าวว่า ธันน์ มีสโลแกนประจำตัวในหมู่เพื่อน คือ “ด่าพ่อล้อแม่ยังพอคบ ด่ายุ้ยที่เคารพคบไม่ได้”

ธันน์ : ใช่ๆ (หัวเราะ) เป็นสโลแกนไว้คุยกับเพื่อนครับ เพื่อนๆทุกคนบอกว่าเวลาจะทำอะไรผมจะเกรงใจยุ้ยมาก มีอะไรก็ต้องถามยุ้ยก่อน จะซื้ออะไร จะตัดสินใจอะไรก็ต้องให้ยุ้ยเป็นคนตัดสินใจ

มีเรื่องไหนที่ธันน์จะเคาะได้เลยโดยที่ไม่ต้องถามยุ้ยไหม ?

ธันน์ : พึ่งมีตอนนี้เนี้ยละครับ เพราะตอนนี้มีบัญชีเป็นของตัวเองแล้ว เมื่อก่อนเรามี ATM 1 ใบ แต่ก็จะไปเด้งที่เขา คือเวลาไปกดอะไรเขาจะรู้หมดเลยว่าทำอะไร ซื้ออะไร

นี่ภรรยาหรือแม่ ?

ธันน์ : (หัวเราะ) ภรรยาครับ เดี๋ยวนี้ดีขึ้นแล้วครับ พอเราทำงานเขาก็ให้เงินเดือนผมด้วยนะ

ยุ้ย : (หัวเราะ) ต่างคนต่างมีเงินเดือนค่ะ เงินเดือนเท่ากัน เงินบริหารทุกอย่างเท่ากัน แต่ว่ายุ้ยเป็นผู้หญิงไงคะพี่วู้ดดี้ จะมีความละเอียดแล้วจะต้องวางแผน เพราะฉะนั้นเงินเดือนของเขาจะไปทำอะไรก็ได้ โดยที่ยุ้ยไม่รู้ ไม่ต้องมาเด้งมาที่ยุ้ยก็ได้ เอาไปเปิดบัญชีใหม่เลยเป็นของตัวเองไปเลย

ยุ้ยให้ค่าขนม ธันน์ เดือนละกี่บาท ?

ธันน์ : หลักแสนครับตอนนี้ (หัวเราะ)

ยุ้ย : หลักแสนคือใช้แบบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรแล้วนะ ใช้สบายๆ ส่วนตัวไม่ต้องมาบอกยุ้ย อยากซื้ออะไรซื้อ อยากไปเที่ยวไหนไป เพราะว่ากว่ายุ้ยจะมีเงินที่เป็นกองกลาง ยุ้ยจะบริหารเงินค่ะพี่วู้ดดี้ จะมีเงินส่วนตัวของเรา เงินของเรา 2 คน เงินแยกส่วนตัวของใครของมัน เงินของคุณพ่อคุณแม่ธันน์ เงินของคุณพ่อคุณแม่ยุ้ย เงินของลูกน้อง เพราะฉะนั้นใช้ไปเลยค่ะ

ธันน์ : แต่จะใช้ยังไงก็เกรงใจอยู่ดีครับ ล่าสุดผมเกมครับ ไปซื้อปลาคาร์ปตัวหนึ่ง แล้วก็เจ้าของดันไลน์มาพอดี แล้วยุ้ยไปหยิบโทรศัพท์มาให้ ห๊ะ! ซื้อขนาดนี้เลยเหรอ! ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ

แพลนเรื่องลูกตอนนี้เป็นไงบ้างครับ ?

ธันน์ : ทางผมต้องบอกเลยว่าพร้อมแล้วครับ แต่ทางยุ้ยคือตอนนี้เขาติดละครครับพี่

ยุ้ย : จริงๆ ละครทั้ง 2 เรื่องแพลนปิดในปีนี้ แต่ด้วยในสถานการณ์โควิดทำให้ ทำให้เลื่อนไปปีหน้า เพราะฉะนั้นแพลนที่จะมีลูกก็ต้องเลื่อนไปอีก ตอนนี้ก้ต้องเอางานให้จบก่อนค่ะ

ยังตั้งปณิธานว่าจะมีลูกแฝดใช่ไหม ?

ธันน์ : ครับ คือตอนแรกยุ้ยบอกว่าขอท้องแค่ครั้งเดียวครับพี่ ไหนๆ ได้โควต้าแค่ครั้งเดียวก็ต้อง ขอแฝดเลยทีเดียว

ยุ้ย : เพราะว่าธันญ์อยากมีลูกผู้ชาย ยุ้ยอยากมีลูกผู้หญิง เลยคิดว่าแฝดไปเลยละกัน แต่ตอนนี้คิดว่าคนเดียวก็ได้แล้วค่ะ

เพิ่งรู้เหมือนกันนะครับ “ธันน์-ยุ้ย” มีลูกติดและตอนนี้อยู่กับเราแล้วครับ ?

ยุ้ย : น้องเอี๊ยม เหรอ (หัวเราะ)

เอี๊ยม วรรษพร : ไปไหน มีธันน์ มียุ้ย ต้องมีเอี๊ยมค่ะ

ธันน์ : คือเวลาเราไปเที่ยวที่ไหนหรือต่างประเทศ ผมก็ต้องลงไปนอนข้างล่าง เขาต้องนอนบนเตียงกับยุ้ย

ยุ้ย : เราก็เลยเรียกว่าลูกติด

ธันน์ : วีรกรรมเขาเยอะมากพี่ อกหักก็มา มีความสุขก็มา ทุกอย่างครับ

เอี๊ยม วรรษพร : เราผูกพันกันมา 11-12 ปีแล้วค่ะ

ยุ้ย : อยู่ด้วยกันมาตลอด ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันบ่อยมากๆ นอนก็นอนห้องเดียวกัน ก็เลยกลายเป็นอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูกไปเลย

อยากให้ทั้งคู่ส่งกำลังใจให้กับคุณผู้ชมที่ดูอยู่ในตอนนี้

ธันน์ : อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ ตอนนี้ทุกคนที่มีแรงมีกำลังอะไรได้ก็จะช่วยกันครับ ไม่ว่าจะส่งกำลังใจหรือช่วยด้วยสิ่งที่เรามีก็จะแบ่งปันกันครับ

ยุ้ย : อยากเป็นกำลังใจให้กับประชาชนชาวไทยทุกๆ คนนะคะ เชื่อว่าเราจะต้องเข้มแข็งและผ่านมันไปด้วยกัน ตอนนี้เราต้องเป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ อะไรที่ยุ้ยกับธันญ์ช่วยได้เรายินดีช่วยมากๆ ค่ะ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 4,217 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม