ออกมาเปิดใจอีกครั้ง สำหรับ “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 กับปมปัญหากับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ นำโดย บริษัท TPN 2018 จำกัดกับประเด็นการเซ็นสัญญา และข้อตกลง ฟ้าใส พร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัว และทนายความได้เปิดใจเรื่องนี้ผ่านรายการ “คุยแซ่บโชว์” หลัง “ปุ้ย ปิยาภรณ์” และ “ณะ ณรงค์” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ออกมาแถลง โดยชี้แจงหลายเรื่องที่หลายคนสงสัยเรื่องข้อเปลี่ยนแปลงในสัญญา 3 ฉบับ และการขอรับมงกุฏ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 คืนจากกองประกวด ซึ่งมีการสรุปใจความจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้ว่า
ฟ้าใสได้เซ็นสัญญาฉบับแรก พร้อมกับผู้เข้าประกวด 60 คน ซึ่งในฉบับได้มีการข้อตกลงในเรื่องสิทธิ์ที่ต้องได้ในฐานะมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 คือ
- เงินรางวัล 1 ล้านบาท โดยมีการจ่ายงวดแรก 7.5 แสนบาท หลังคว้าตำแหน่งภายในเวลา 30 วัน ซึ่งฟ้าใสยังไม่เคยได้เงิน 7.5 แสนบาทนั้นเลยจนถึงตอนนี้ แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่งมีการหัก 30 เปอร์เซ็นต์มาโดยตลอด ตามสัญญาที่เซ็นไป
- มงกุฎเพชร ที่จะได้ตั้งแต่วันที่รับตำแหน่ง ซึ่งไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้เซ็นฉบับที่ 2
- สัญญาผูกพัน 2 ปี เป็นนักแสดง
- รถยนต์ 1 คัน แต่ในสัญญาไม่ระบุยี่ห้อรถ แต่บนเวทีมีประกาศว่าเป็นยี่ห้อโฟล์คสวาเกน แต่ไม่เคยได้รถ
- ได้ที่พักประจำตำแหน่ง 1 ปี ไม่มีการระบุ
- ของรางวัลของสปอร์นเซอร์ใช้ 1 ปี
- หักเปอร์เซ็นต์ 70 : 30
จากนั้นเมื่อรับตำแหน่งและเดินทางไปประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ แอตแลนต้า ได้มีการเปลี่ยนสัญญาใหม่ ซึ่งเป็น ฉบับที่ 2 มีการระบุว่า - เพิ่มระยะเวลาจาก 2 ปี เป็น 3 ปี
- สัญญานักแสดง เปลี่ยนเป็นสัญญาศิลปิน โดยควบคุมทุกอย่างภายใต้สังกัด ตามกฎระเบียบ
- เปลี่ยนจากการหัก 70 : 30 เป็น 65 : 35 และถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส จะเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์การหักเป็น 50 : 50
- ทางกองประกวดสามารถแก้สัญญาได้ทุกเมื่อ แต่ฟ้าใสต้องยอมรับด้วย ถ้าไม่ยอมก็ต้องเอาตามสัญญาฉบับเดิมที่เซ็นไปแล้ว
- จากนั้นก็มีการขอให้เปลี่ยนสัญญาฉบับที่ 2 โดยทางแม่ฟ้าใสได้มีการขอแก้ไข จนมามีสัญญา ฉบับที่ 3
- ในสัญญาฉบับที่ 3 ไม่ได้เปลี่ยนแค่เนื้อหาบางเรื่อง แต่เปลี่ยนของรางวัลเลย
- สัญญาฉบับที่ 3 ระบุเรื่องของมงกุฏเพชร ให้เปลี่ยนเป็น มงกุฏที่ระลึก ซึ่งก็ซื้อที่สำเพ็งได้ ทั้งที่ในสัญญาฉบับที่ 1 และที่ 2 ระบุว่าเป็น มงกุฏเกียรติยศ
- มงกุฏอยู่กับฟ้าใสจนกระทั่งเซ็นข้อตกลงฉบับสุดท้าย แต่จริง ๆ ก็อยู่กับกองตั้งแต่ช่วงปีใหม่แล้ว
- สัญญาฉบับที่ 3 เปอร์เซ็นต์มีการแก้กลับมาที่ 70 : 30 ถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส ก็มีการหัก 70 : 30 เหมือนเดิม
- ไม่มีการแจ้งยี่ห้อรถในสัญญา ถามกลับไปก็บอกว่าดิวไว้ 3 ยี่ห้อ ซึ่งเรื่องนี้มีคลิปเสียง
- ในข้อสัญญาฉบับที่ 3 มีการเปลี่ยนแปลง โดยอย่างเรื่องงานการกุศล ฉบับที่ 1-2 จะมีการออกจำนวน 12 ครั้ง แต่ในฉบับที่ 3 คือ ออกตามความเห็นชอบของกองฯ และต้องมีการรับผิดชอบแต่งหน้าทำผมด้วยตัวเอง ถ้าแต่งหน้าทำผมเอง แล้วแต่งตัวไม่เหมาะสม จะส่งลายลักษณ์อักษรเตือน 3 ครั้ง ถ้าเตือนแล้วไม่ดีขึ้นจะปรับ 1 แสนบาท
- ฉบับที่ 1 มีการบอกถึงหน้าที่ของบริษัทจะต้องมอบเงินตามที่ตกลง แต่ฉบับที่ 3 ตัดในข้อนี้ออก
- สัญญามีการเปลี่ยนรางวัลไม่ตรงกัน เลยทำให้ขอจบสัญญา
- ในข้อตกลงสุดท้ายที่ตกลงกันคือ ได้รับเงิน 500,000 บาท โดยตอนแรกจะไม่ให้เลย แต่ทางคู่กรณีบอกว่าไม่ให้มงกุฏ ตนรู้สึกว่ามงกุฏเป็นของตนตั้งแต่วันที่ชนะ และได้รับตำแหน่งแล้ว
- ล่าสุดมีการนัดไปเอามงกุฏวันอาทิตย์นี้ (29 พ.ย.2563) ตอนบ่าย 3 โมง
- เซ็นข้อตกลงสุดท้าย เพราะถูกกดดัน เลยจำเป็นต้องจบกัน
“ถ้าเกิดพูดตรง ๆ ตนได้มีการเซ็นข้อตกลงอันสุดท้ายไปแล้ว และก็มองว่าทางกองประกวดก็ได้ให้โอกาสหนูได้มีทุกวันนี้ได้เป็น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ดังนั้นสำหรับตนอโหสิและ มูฟออน แต่เรื่องของที่ทุกคนเข้าใจผิด ตนต้องการออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้นะ ไม่ใช่ว่าตนเรื่องเยอะ หัวหมอ แล้วเปลี่ยนสัญญา แต่ข้อเท็จจริงคือ มีการเปลี่ยนสัญญาก่อน” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
เข้าชม 175 ครั้ง