กลายเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองกับปมความขัดแย้งของวงในตำนานอย่าง “รูม 39” กับปัญหาความขัดแย้งระหว่าง “ทอม อิศรา กิจนิตย์ชีว์” กับ 2 เพื่อนร่วมวงอย่าง “มน ชุติมน วิจิตรทฤษฎี” และ “แว่นใหญ่-โอฬาร ชูใจ” จนถึงขั้นมีการโพสต์ระบายความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊กจนกลายเป็นที่โจษจันต์กันอย่างมาก
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งสามคนไม่ค่อยที่จะเปิดใจในเรื่องนี้ผ่านสื่อมากนัก ถึงรอยร้าวที่เกิดขึ้น แต่ล่าสุดในงานเปิดไฟต้นคริสต์มาสสุดยิ่งใหญ่ Light up chrismas tree 2021 ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ หนุ่มทอมก็ยอมเปิดใจถึงเรื่องนี้ครั้งแรก โดยทอมเผยถึงดราม่าที่เคยโพสต์ในเฟซบุ๊กโต้ตอบในเพจของวง รูม39 นั้น ว่า ตนเองได้อธิบายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ของตัวเอง บนทวิตเตอร์ หรือว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ใครที่ติดตามแล้วอ่านตามไทม์ไลน์ต่าง ๆ จะเข้าใจ แล้วตนเองทำใจได้แล้ว และพร้อมที่จะก้าวข้ามผ่านไป รวมถึงทั้ง มนและแว่นใหญ่เองก็มีผลงานออกมาเรื่อย ๆ แล้วก็ประสบความสำเร็จเรื่อย ๆ อย่างตนเอง ก็ยังพยายามทำงานของตัวเองอยู่ ซึ่งทุกคนกำลังเข้าที่อยู่บนเส้นทางของตัวเองที่ดีแล้ว
“การที่จะต้องมานั่งพูดถึง ว่าเรื่องรายละเอียดยิบย่อยเป็นยังไง ผมว่ามันไม่น่าจะเหมาะสม แล้วตัวเอง หรือตัวพี่เขาเอง มันหมดความรู้สึกที่จะมาเคืองกัน ผมเชื่อว่าคนเราพอถอยออกมา มันเริ่มเห็นปัญหา เริ่มเข้าใจคน ๆ นั้นมากขึ้น มากกว่าการที่เราอยู่ใกล้ ๆ กัน ทำงานด้วยกันตลอดเวลา มีอะไรที่มันเป็นไปตามสิ่งที่เราคาดหวังไว้ในเรื่องของการทำงาน ในเรื่องต่าง ๆ บางทีตอนนั้นเราอาจจะแยกแยะกันไม่ได้ แต่พอเป็นแบบนี้มันไม่มีปัญหา เดี๋ยวโชว์ที่ season of love song ผมก็มีเล่น พี่เขาเองก็มีเล่น ก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพลงก็ไม่มีปัญหา เราคุยกันแล้วว่าโอเค เดี๋ยวใครจะใช้เพลงไหน ลิสต์เพลงเป็นยังไงบ้าง เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรเลย”
เมื่อถามว่ามันช้าไปไหมที่จะมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่แยกวง นักร้องหนุ่มเผยว่า ตนอยากลองปล่อยให้มันเป็นไป ไม่คิดว่าเรื่องของตนเองจะต้องออกมาพูด เวลาที่เสียใจต้องรีบออกมาระบาย มันเป็นอะไรยังไง เชื่อว่าสถานการณ์มันจะยิ่งไปกันใหญ่ จริง ๆ ถ้าไม่ได้มีคนสนใจ ไม่ได้มีคนถามถึง ก็อาจจะเงียบไปเฉย ๆ ก็ได้ แต่การที่เราต้องการให้คนข้างนอกรู้เยอะ ต่างคนก็ต่างมีวิจารณญาณต่างกัน “บางคนอาจจะเป็นเพราะว่า กูว่าเป็นแบบนี้ กูว่าเป็นแบบนี้แน่เลย เพราะมันเป็นเรื่องสนุกของคนอื่นนะ สนุกคิด คิดไปเรื่อยเลย แต่จริง ๆ แล้วเอ๊ะ มันเป็นยังไงวะ เราจะออกมาพูดได้มากน้อยแค่ไหน หรืออะไรอย่างไร แต่ผมก็คิดว่า ณ วันนั้นผมเอง พูดโดยไม่ได้ใช่อารมณ์แล้ว มันผ่านมานานแล้ว ถ้าผมพูดเลยตอนนั้นมันอาจจะเป็นอารมณ์ การที่เรามาพูดทีหลังคือเราใจเย็นแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ที่บอกคือจะได้เคลียร์จบ เรารู้สึกแค่นี้เอง ในตอนนั้นที่ถูกโจมตีเยอะมาก ผมก็เข้าใจครับ แต่ถ้าจะให้พูด ผมก็รู้สึกแย่ที่บางคนอาจจะไม่ได้รู้เรื่องราวหรือบางคนอาจจะได้ยินมาว่าอย่างไร ผมก็ยอมรับครับว่าผมรู้สึกแย่ แต่ว่าผมได้ภรรยาที่เข้าใจ รวมถึงผมยังมีเพื่อนที่เข้าใจผม คือผมเป็นคนแคร์คนทั้งโลกนะ หลายคนอาจจะบอกว่าไม่ต้องไปแคร์หรอกคนทั้งโลก แต่ผมทำไม่ได้ แค่ผมเห็นคอมเมนต์อันหนึ่งที่มันไม่ดีและมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมก็รู้สึกแย่แล้ว แต่ว่ามันก็โชคดีตรงที่คนรอบข้างผมเขายังให้กำลังใจ”
ทอมบอกว่าที่ผ่านมาเสียใจและอดทนกับสิ่งที่คนวิจารณ์ตนในตอนนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ความจริง ยอมรับว่าตนเป็นภาวะ… (ยิ้ม) แต่ว่าผ่านมาได้เพราะคนข้าง ๆ เข้าใจ รับฟังในเรื่องเดิม ๆ ที่ตนเองเสียใจ และมันวนเวียนอยู่อย่างนั้น และเอาสิ่งนั้นเป็นความรู้สึกที่ไม่สบายใจทุกครั้งที่ขึ้นไปบนเวที คือเหมือนไม่รู้เลยว่าคนที่เขามาดูเราอยู่ คิดอย่างไร มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ถามว่ามันเป็นความเสียใจมากแค่ไหน “เอ่อ…มันคงไม่เสียใจมากไปกว่าการที่ผมเสียคุณพ่อครับ แต่ถามว่ามันเสียใจไหม มันเป็นความรู้สึกที่เอ่อ…ผมไม่เรียกว่าเสียใจ คือผมไม่รู้จะอธิบายคำนั้นว่าอย่างไรดี มันเหมือนกับเราไม่มั่นใจอะไรไปเลยมากกว่า”
ในตอนนี้มีคอมเมนต์ว่าผิดหวังในตัวเรา ทอมตอบด้วยสีหน้าเศร้าและน้ำตาคลอว่า “ผมเห็นทุกอันเลยครับ ”
ถามต่อว่าจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไร “ก็…ร้องไห้มั้ง ผมคิดว่าร้องไห้ก็คงจะดีขึ้นครับ ในตอนนั้นภรรยาอยู่เคียงข้าง เขาฟังผมร้องไห้ทุกวัน ผมถึงได้ขอบคุณเขามาก ๆ เขายอมอยู่กับผมในวันที่ผมร้องไห้ทุกวันได้ ร้องไห้กับเรื่องเดิม ๆ ได้ แต่การได้ออกมาอธิบายก็เหมือนปลดล็อกแล้วนะ นั่นแหละผมคิดว่าเป็นเพราะผมไม่ได้พูดมากกว่า สุดท้ายแล้วใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจยังไงก็แล้วแต่ แต่ผมได้พูดแล้ว ที่ผ่านมาผมพยายามจะให้ทุกคนเข้าใจด้วยตัวเอง แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาตอนนี้ผมคิดว่าผมดีขึ้นแล้ว ผมตั้งเป้ากับตัวเองไว้ว่าอะไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะพยายามมีความสุขกับมัน หลังจากนี้อะไรก็ได้ที่ทำให้แล้วผมมีความสุข ผมก็จะแฮปปี้ไปกับมัน ไม่ได้ตั้งเป้าเลยว่าผมจะทำอะไรให้ตัวเองมีความสุข แต่ผมเลือกที่จะมีความสุขกับอะไรก็ได้มากกว่า เพราะถ้าไม่อย่างนั้นผมก็จะวนกลับไปเหมือนเดิมอีก”
จากนั้นทอมเผยถึงการทำเพลงหลังจากนี้ มีพี่ ๆ เข้ามาคอยช่วย ไม่ว่าจะเป็น ตู่ ภพธร, ว่าน ธนกฤต ,วงลิปตา ตอนนี้ทั้งหมดเหมือนเป็นครอบครัว เป็นสังคมเล็ก ๆ ที่พูดคุยกันเรื่องงานคุยเรื่องเพลง และก็อาจจะมีโชว์ที่ไปแจมกันบ้าง และอีกหน่อยก็จะมี โอ๊ต ปราโมทย์ มาเล่นด้วย ในส่วนของเพลงใหม่จะได้ฟังประมาณเดือนธันวาคมนี้ ตนตั้งใจว่าจะปล่อยเพลงออกมา ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ทำงานกับ แทน ลิปตา และก็ ไก่ สุธี มาคุม ซึ่งตนทำเองทั้งหมด สนุกดี มันก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกสบายใจที่ได้ทำงาน และก็ทำให้ลืมอะไรต่าง ๆ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน