“เฌอเอม” ร่ำไห้! ยันไม่สละสิทธิ์ประกวดมิสยูฯ ปมถูกหามีพี่เลี้ยงสอดแนม ขอโทษหากสื่อสารอะไรพลาด


จากกรณีดราม่าร้อนในวงการขาอ่อน เมื่อผู้ถือลิขสิทธิ์ Miss Universe Thailand อย่าง “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิ” มิสยู​นิ​เวิร์ส​ไทยแลนด์​ 2020​ ได้ออกมาไลฟ์ถึงประเด็นนางงามที่ติดหนึ่งใน 30 คนสุดท้าย มีดราม่าพี่เลี้ยงนางงามแฝงตัวเข้าไปเป็นทีมงานกองประกวด ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฎ โดยนางงามที่ถูกพาดพิงถึงคือ “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” ผู้เข้าประกวดMUT2020 ต่อมาทางกองได้มีการแถลงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้งว่ายังไม่ได้มีการปลด แต่จะให้โอกาสน้องนางงามภายในวันที่ 28 ก.ย. 2563 ให้สละสิทธิ์ไป
.
ล่าสุดวันนี้(29 ก.ย. 2563) “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” ผู้เข้าประกวดMUT2020 พร้อมด้วย “เคน สิทธิชัย เร็ววิโรจน์” พี่เลี้ยงนางงามที่ถูกกล่าวถึง และทนาย “นิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ” พร้อมเปิดใจครั้งแรกถึงกรณีข้างต้น
.
โดย “เคน” เผยก่อนว่า “เรามีอาชีพผู้จัดการศิลปิน ฉะนั้นที่เขาบอกเราเป็นมิจฉาชีพ มันคือการหลอกคนไปเรื่อย แต่เรามีอาชีพชัดเจน ไม่เคยไปหลอกลวงเงินใคร และจากส่วนนั้นเลยมีผลกระทบกับน้อง หน้าที่ในกองประกวดที่เราเข้าไป คือผู้ดูแลสปอนเซอร์ชิป ไม่มีการเซ็นสัญญาใด ๆ เข้าไปทำงานในฐานะฟรีแลนซ์ ไม่มีการเอาข้อมูลมาบอกน้อง เพราะเราไม่ได้ดูแลน้อง แต่ดูคิวและขายงานให้น้อง ยอมรับเราไม่ได้แจ้งกองในสถานะนี้”
.
ด้าน “เฌอเอม” กล่าวว่า “ขอชี้แจง 4 คำก่อน โบร์กเกอร์ หมายถึง นายหน้าหางาน , กัลยาณมิตร หมายถึง เพื่อน พี่น้องที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กัน , พี่เลี้ยง ในที่นี้หมายถึง พี่เลี้ยงนางงาม ดูแลเรื่องการประกวดทุกส่วน ชีวิตประจำวันตลอดที่อยู่ในกอง และผู้จัดการ คือ คนที่เราตกลงให้จัดการเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต ทั้งงานและชีวิตส่วนตัว ต้องรู้ทุกอย่างและทุกจุดในชีวิตของเรา จนกว่าจะยกเลิกสัญญาจ้างต่อกัน ซึ่งพี่เคนเป็นโบร์กเกอร์ ไม่ได้มีสัญญาต่อกัน มันอาจจะมีความคลุมเครือของสถานะเล็กน้อย เราต้องขอโทษเรื่องการสื่อสารที่ผิดพลาด”
.
“ช่วงแรกที่เข้าประกวดเราไม่ได้คิดถึงมงกุฎ แต่มาเพราะอยากลองสิ่งที่แตกต่าง คนดูแลตอนแรกเขาไม่มีประสบการณ์ส่งนางงาม พอเราต้องสัมภาษณ์ ออกสื่อเยอะ เขาเลยไม่สามารถทำงานเหล่านี้ได้ เราเลยคุยกันว่า ถ้าไม่ไหวเราจะขอส่งตัวเองต่อ จนวันหนึ่งเรามีปัญหาสุขภาพ ทำให้ทำงานต่อไม่ไหว และเราไม่รู้จักใคร เราหันซ้ายหันขวาแล้วไม่เห็นใคร แต่บังเอิญพี่เคนเขาเป็นคนเดียวที่มีศักยภาพ แต่เมื่อก่อนเราไม่ได้สนิทกันมาก เราเลยเข้าไปถามว่าจะให้มาซัพพอร์ตเอมโอเคมั้ย แต่พี่เขาเป็นคนในกอง เลยคิดว่าจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาและบอกกับผู้ใหญ่ ที่จะทำยังไงให้ดูไม่น่าเกลียดหรือแนวทางแก้ไขหากไม่ได้ ทางกองจะช่วยหาคนมาซัพพอร์ตเราไหม ปรากฎวันนั้นเรากับพี่เคน เลยเข้าไปคุยกับพี่ปุ้ยตรง ๆ แต่ไม่ได้รับฟีดแบ็กว่าได้หรือไม่ได้ แต่กลับได้คำตอบที่บอกแค่ให้เราไปพักผ่อนก่อน เพราะเราเพิ่งมาจากโรงพยาบาล แต่หลังจากนั้นมาทราบอีกทีคือเกิดโพสต์เป็นข่าวแล้ว จริง ๆ ถ้าผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยเราก็ยินดี ให้กองช่วยหาคนซัพพอร์ต แต่เราไม่ได้รับคำตอบ เลยคิดว่าเขาโอเค”
.
“ตอนอยู่ในกองยืนยันว่าไม่ได้รับสิทธิ์พิเศษอะไร เราทำกิจกรรมเหมือนเพื่อนทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่ให้เราตัดสินใจสละสิทธิ์เอง ยอมรับว่าตกใจ เราพูดในแง่ปัญหาสุขภาพ ไม่อยากล้มต่อหน้าสื่อหรือในกอง แค่อยากเดินในวันไฟนอลพร้อมเพื่อนอีก 29 คน สิ่งสำคัญไม่ใช่มงกุฎ แต่มันคือการไปถึงจุดหมายพร้อมทุกคน ฉะนั้นสละสิทธิ์ไหม มันง่ายมาก แต่เราไม่ต้องการสละสิทธิ์ที่ชอบธรรมออกไป โดยที่เราไม่ได้ชี้แจงอะไรเลย ต้องขอบคุณกองที่ให้โอกาสเราแถลงข่าว และขอให้กองเป็นผู้พิจารณาในเรื่องการสละสิทธิ์ของเราเอง เรามาอยู่ตรงนี้ได้ด้วยความรักและความชอบของหลายคน ประชาชนต้องรู้ เราจะขอให้เป็นไปตามที่สังคมตัดสิน”
.
“ที่ผ่านมาเอมไม่ได้รับการติดต่อจากกองในการทำกิจกรรมใด ๆ เราไม่ทราบอะไรเลย เขาไม่อนุญาตให้เราเข้าไปในกอง ทั้งที่ความจริงเราพร้อมกลับเข้าไปและทำกิจกรรม ในเมื่อเราขอให้ผู้ใหญ่เป็นคนพิจารณา เราน้อมรับทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตัดสินใจ แต่ถ้าให้เราพูด คือไม่ขอสละสิทธิ์ เพราะมองว่าที่ผ่านมาคือการเข้าใจผิด ต้องแล้วแต่ความกรุณาของกองจะให้พื้นที่กับเราไหม เราไม่ได้ต้องการเป็นผู้ชนะ ถ้าได้เดินวันนั้นคือชนะแล้ว ถือเป็นจุดสิ้นสุด ที่ผ่านมาเราซื่อสัตย์และจริงใจ เพื่อนคนไหนที่ได้มง เรายินดีด้วย เราไม่ได้เล็งที่มงกุฎอย่างเดียว ส่วนปีหน้าเราไม่แน่ใจ เจอเหตุการณ์นี้เราไม่รู้จะไปต่อยังไง สุดท้ายขอจบที่ปีนี้ ปีที่เป็นตัวของตัวเองจริง ๆ เราใส่หมดทั้งความรู้ ความสามารถ”
.
หลายคนมองว่าเป็นการกดดันจากทางกองประกวด เฌอเอมเผยว่า “ไม่ใช่การกดดันทางกอง แต่เมื่อมีเรื่องที่ทำให้คนเข้าใจผิด มากกว่าการกลับไปแข่ง คือการเคลียร์ตัวเอง ทำตัวเองให้โปร่งใส เราเชื่อว่ากองมีความชอบธรรม ด้วยทัศนคติและหลายอย่าง เราไม่เสียดายและไม่เคยเสียใจ เบื้องต้นเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มไลน์ผู้เข้าประกวดแล้ว ถ้าเขาให้โอกาสกลับไป เราก็พร้อมทำเต็มที่ แต่ถ้าเขายุติเรา เราก็น้อมรับ แต่สุดท้ายคิดว่าคงต้องจบด้วยการพูดคุย ถ้ามีเรื่องให้อภัยกันได้ แม้เอมเป็นเด็ก ก็เป็นฝ่ายตรงข้าม เราจะขอเป็นฝ่ายไม่ถือสา และขอโทษกองก่อนกับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น”
.
“ถ้าความผิดอยู่ที่เอมให้มาลงที่เอมคนเดียว แต่ไม่ใช่ลงคนรอบตัว ขอความเมตตาให้เอมด้วย ส่วนแฟนคลับที่เชียร์เราขอบคุณที่อยู่กับเรามาตลอด อยากให้จดจำเอมในฐานะคนธรรมดา ที่เคยได้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน ต่อจากนี้ไม่ว่าจะสิ้นสุดฐานะผู้เข้าประกวด เราจะขอรับผิดชอบในส่วนนี้ ไม่ว่าน้ำหนักของโลกทั้งใบจะกดมาบนบ่าเอม เราก็จะสู้ต่อไป เราอยากจะสร้างตัวตนใหม่ของเราขึ้นมา”
.
ด้านทนายนิด้า เผยว่า “น้องเดินเข้ามาปรึกษา เรื่องเกิดมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. ทุกคนรอน้องออกมาแถลงข่าว น้องติดต่อเข้ามาคุยในช่วงแรก ๆ ไม่กล้าแถลงข่าว ไม่รู้ว่าทำได้แค่ไหน และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับอีกฝ่ายหนึ่ง จนมันจำเป็นต้องออกมาพูดแล้ว อาจจะไปกระทบใครบ้าง แต่ออกมาพูดเพื่อส่วนได้เสียของตัวเรา ในเรื่องฟ้องร้อง ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ เราคุยแค่ยอมรับได้ในคำวิจารณ์ ต่อให้เป็นคำหยาบคาย แต่ว่าถ้าเลยเถิดไปมาก ก็ไมรู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จริง ๆ เราไม่มีจิตใจอยากจะฟ้อง แต่เรื่องการสละสิทธิ์ น้องเขารู้สึกไม่ได้ทำอะไรผิด”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 101 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม