เป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงของวงการนางงาม หลังมีศึกดั่งละครสงครามนางงามหลุดออกมานอกจอ เมื่อผู้ถือลิขสิทธิ์ Miss Universe Thailand อย่าง “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิ” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ได้ออกมาไลฟ์ถึงประเด็นที่ว่า นางงามที่ติดหนึ่งใน 30 คนสุดท้าย มีดราม่าพี่เลี้ยงนางงามแฝงตัวเข้าไปเป็นทีมงานกองประกวด ซึ่งถือความผิดตามกฎ
ล่าสุด “ปุ้ย ปิยาภรณ์ ในฐานะผู้อำนวยการกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ได้แจ้งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเป็นดราม่าสงครามนางงามในครั้งนี้ว่า วันที่ อั้ม จรีลักษณ์ หนึ่งในผู้บริหารของกองประกวดได้โพสต์ถึงออกมาโพสต์ระบายว่ามีพี่เลี้ยงนางงาม แฝงตัวมาเป็นทีมงานในกองประกวด ซึ่งปุ้ย ปิยาภรณ์ได้เล่าว่ารู้เรื่องดังกล่าว วันนั้น ที่น้องนางงามและผู้จัดการส่วนตัวมาพบ ทั้งตนเองไม่ทราบมาก่อนว่า น้องนางงามมีผู้จัดการ เพราะที่ผ่านมาถามแล้ว น้องนางงามบอกว่าไม่มี ซึ่งวันนั้นน้องมาบอกว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ และมีรายละเอียดหลายอย่างในการพูดคุยกัน ซึ่งด้วยความสัจจริงว่าตนขอไม่พูดตรงนี้ เพราะการพูดมันมองได้ 2 มุม เหมือนกับเป็นผู้ใหญ่แล้วเอาเรื่องของเด็กมาพูดคุย
ส่วนเรื่องที่คนวิจารณ์ว่ากองน่าจะเก็บไว้เป็นความลับ ไม่ควรเอามาพูด เด็กเสียอนาคต ขอชี้แจงอย่างี้ว่า จริง ๆ มันมีเรื่องอีกเยอะในการจัดการประกวดตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่เคยเอาเรื่องออกมาพูด ในขณะเดียวกันพยายามตามดูแล ปกป้องให้อยู่ในความพอเหมาะพอดี ในความมีเกียรติที่พึงจะได้รับ และเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดที่เป็นปัจเจกบุคคล มันไม่ใช่ความผิดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว สมมติถ้าเป็นความผิดคนเดียว กองควรเรียกมาจัดการและทำอะไรเงียบ ๆ ไป แต่นี่คนละเรื่อง เป็นความละเมิด เป็นการผิดกฎของกองประกวด และยังมีความเกี่ยวข้องกับนางงามอีก 29 คนด้วย
“เราถามว่าเขาว่าคุณทำได้ยังไง เอาเปรียบผู้แข่งขันคนอื่น ๆ ได้ยังไง เข้ามานั่งฟังประชุมทุกช็อต รู้แม้กระทั่งวิธีการคัดนางงาม รู้วิธีที่กองจะกำจัดจุดอ่อน รู้กลยุทธของกองทั้งหมด แล้ววันนี้มาเปิดตัวว่าเป็นผจก.น้องนางงามแปลกไหม คนถามว่าทำไมกองไม่สอดส่อง คนจะขโมยขึ้นบ้าน ปิดประตูยังไง ก็แงะได้ และในเพจไอจีน้องนางงามไมได้มีเบอร์เขา เราก็ไม่ได้สนใจ เราเห็น แต่มันไม่ใช่อันนี้”
ผู้อำนวยการกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ยังบอกว่า หากกองประกวดทำเงียบ ๆ ไป ไปคุยกันเอง แล้วปัดตกรอบไป อันก็เหมือนเป็นการหลอกลวงคนทั้งประเทศ หลอกให้คนโหวต ส่วนความผิดมางุบงิบพูดกันสองคน ถ้าทำแบบนั้นกองก็เหมือนสมรู้ร่วมคิด ไปปัดตกรอบสุดท้าย มันยุติธรรมกับคนที่เขารัก คนที่โหวตหรือเปล่า มันยุติธรรมกับเด็ก 29 คนที่ต้องมาแข่งขันหรือเปล่า มันไม่แฟร์
“วันนี้ไม่ได้มีการปลด แต่จะให้โอกาสน้อง ภายในวันนี้ (28 ก.ย. 2563) ให้สละสิทธิ์ไป เพราะน้องมีปัญหาสุขภาพ คนเรามีโอกาสผิดพลาดได้ ความผิดก็มีความผิด แต่ไม่ใช่ความผิดที่จะไม่มีที่ยืนในสังคม ขอแค่ให้น้องเอากลับไปคิด ปรับปรุงตัว และก้าวเข้ามาอย่างพร้อม และการที่จะมีใครเป็นพี่เลี้ยง น้องต้องดูแอตติจูดพี่เลี้ยงคนนั้นว่าจะพาเราดิ่งเหวหรือไม่ เพราะมีน้อง ๆ หลายคนที่พังเพราะพี่เลี้ยงก็มี ในวันที่เขาเป็นตัวเอง เขากลับมีเสน่ห์ มีความน่าค้นหา มากกว่าที่เขาเตรียมพร้อมที่ไม่ได้เป็นตัวของเขา พี่เลี้ยงที่ดูแลนางงาม ถ้าอยากลูก ๆ ให้ถึงจักรวาล คุณต้องเป็นนะคะ อย่าเอายาพิษกรอกเขา วันละเล็กวันละน้อย ในที่สุดเขาจะแย่”
ซึ่งน้องงามเองเขาก็มีเงื่อนไขด้วย ขอไว้ว่าจะต้องยังไง เพราะกระแสน้องนางงามมาแรงมาก แต่เราขอไม่พูด เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่เรื่องความผิดที่พี่เลี้ยงแฝงเข้ามาและเกื้อกูลกันในกองทุกอย่าง โดยใช้ความเป็นทีมของกอง อันนี้รับไม่ได้ ถ้าเกิดเรียกกันมาคุยและไปปัดตกรอบหลัง คะแนนเขาก็ต้องสูงลิ่วกว่าทุกคน สูงแบบทิ้งห่าง ในเมื่อคะแนนเขาทำได้สูง ทิ้งห่าง ด้วยเหตุอะไรก็ตามเพราะกองไม่แจ้ง ไม่แฟร์เลยนะ หลอกลวงประชาชน เราจะไม่ทำ ส่วนเรื่องสัญญาที่เซ็นกับกองประกวด เขาต้องรับผิดชอบ แต่จะให้ไปปรับเป็นเงิน เกรงว่าจะเดือดร้อนไปกันใหญ่ วันนี้สิ่งที่พี่โฟกัสที่สุดคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในรอบพรีลิมฯ และรอบไฟนอล ทำยังไงที่จะได้เพชรเม็ดงาม เพื่อไปคว้ามงสามให้ประเทศไทย
หากครั้งหน้าน้องนางงามคนดังกล่าวจะมากลับมาประกวดอีครั้ง ก็ฝากบอกว่าให้ไปเตรียมความพร้อมใหม่ จัดระบบมายด์เซ็ตใหม่ เพราะน้องนางงามเป็นคนฉลาด ใช้ความฉลาดให้ถูกต้อง แล้วกลับมา
ในส่วนของ “เฌอเอม ชญาธนุส” นางงามที่ถูกพาดพิงถึงนั้น เตรียมเปิดใจแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (29 ก.ย. 2563) ว่าจะยอมสละสิทธิ์บนเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ไหม .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน