สิ่งแรกที่ตั้งใจทำหลังจากได้รับอิสระ “แพท พาวเวอร์แพท” เตรียมบวชให้แม่

หลังจากที่ได้รับโทษจำคุก 16 ปี 6 เดือน ในคดีมียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ (ยาอี) ล่าสุด 11 โมงวันนี้ (4 มกราคม 2564) อดีตนักร้องหนุ่มชื่อดัง “แพท พาวเวอร์แพท” หรือ “แพท วรยศ บุญทองนุ่ม” ได้รับการปล่อยตัว พร้อมเปิดใจว่า

แพท พาวเวอร์แพทเผยความรู้สึกแรกที่ได้ออกจากการจองจำมานานกว่า 16 ปี ว่ารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และรู้สึกสำนึกในพระเมตตาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นอย่างมาก ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ในครั้งนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงเห็นความสำคัญของผู้ต้องราชทัณฑ์ว่าเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านไม่แพ้กับประชาชนทั่ว ๆ ไป รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ที่พระองค์ท่านให้โอกาสผู้ต้องราชทัณฑ์กลับตัวเป็นคนดี ให้โอกาสได้กลับไปดูแลครอบครัว ให้โอกาสได้พัฒนาประเทศ สร้างคุณประโยชน์ให้สังคมต่อไป รู้สึกซาบซึ้งมาก จะรักษาโอกาสที่ได้รับในครั้งนี้ไว้เทียบเท่าชีวิต โอกาสไม่ได้มีบ่อย เพราะฉะนั้นจะมุ่งมั่นทำความดี แล้วก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะทำแต่สิ่งที่ดี รวมถึงจะช่วยป้องกัน รณรงค์เรื่องยาเสพติด และจะไม่ทำผิดกฎหมาย เพราะได้ทำการปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ในวันนี้ (4 ม.ค.64) ก่อนออกมา ว่าจะไม่ทำผิดกฎหมายอีกต่อไป

“เป็นคำมั่นสัญญาที่ให้กับตัวเอง กับพระองค์ท่าน กับสังคม ผมอาจจะเคยมีส่วนที่ทำร้ายสังคมเมื่อในอดีต เมื่อถึงเวลาที่ผมได้โอกาสต่อไปจะชดใช้ให้กับสังคม มันเป็นช่วงโอกาสที่จะชดใช้ให้กับสังคมแล้วก็ครอบครัวด้วย กลับไปดูแลครอบครัว ยอมรับว่าไม่เคยคิดว่าจะได้รับการปล่อยตัวเร็วขนาดนี้ เพราะคำนวณช่วงที่อยู่ข้างใน คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีอีก 2 ปี คือไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ที่จะมีการพระราชทานอภัยโทษติด ๆ กันถี่ ๆ ขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือว่าพระองค์ทรงมีพระเมตตาผู้ต้องราชทัณฑ์เป็นอย่างสูง”



วินาที่แรกที่ได้ออกมาเจอครอบครัว เป็นความรู้สึกที่พูดยาก มันเหมือนวันที่เราฝันมาตลอด เกือบ 17 ปีที่ฝันถึงวันนี้มาตลอด สิ่งที่เราฝันมันอาจจะไม่ได้เหมือนที่ฝัน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ความรู้สึกมันใกล้เคียงอย่างมาก ดีใจที่ได้หลาย ๆ คนมารับ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ยังรู้สึกว่าทุกคนอ้าแขนรับเรา อบอุ่นมาก ตื้นตันใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ น่าจะเป็นวันที่จะจดจำไปจวบจนวันตายเลยก็ว่าได้
“ตอนที่ก้มกราบคุณพ่อคุณแม่ ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันพูดไม่ออกจริง ๆ พูดไม่ออก ก่อนหน้านี้ผมตั้งใจจะกราบเท้าขอโทษท่าน แต่ตอนที่อยู่ข้างใน และในชีวิตไม่เคยทำเลย ก็คิดว่าจะกล้าทำไม ยิ่งมีสื่อมาจับจ้อง ผมจะกล้าทำไหม พอถึงเวลาจริง ไม่คิดเลย ไม่คิดเลย มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำมาตลอด อยากจะขอโทษท่านด้วยที่มีส่วนทำให้ครบอครัวลำบาก ในช่วงเวลา 16-17 ปีที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่รู้นะว่า ทุก ๆ คนในครอบครัวเขาไม่ได้รู้สึกลำบากกับที่มาดูแลเราในนี้เลย แต่เราลูกผู้ชาย และเป็นลูกชายคนเดียว มันใช่เรื่องเหรอที่โตขนาดนี้แล้วยังให้ท่านมาดูแลอยู่ ตอนที่ผมก้มลงกราบพ่อกับแม่ พ่อก็บอกว่าไม่ต้องร้องไห้ (เสียงสั่นเครือ) มาอยู่ด้วยกัน ส่วนคุณแม่เขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อนกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อตอนที่ผมเข้าเรือนจำมีเรื่องใหม่ ๆ ปีแรก ๆ แม่ไม่สามารถที่จะกั้นน้ำตาได้เลยสักครั้งเดียว พ่อต้องคอยเบรกว่า เดี๋ยวแพทเขาจะไม่สบายใจนะ แม่ก็พยายามไม่ร้อง ซึ่งเขาก็ทำได้ดีนะ ช่วงหลัง ๆ เขามาเยี่ยมก็ร่าเริงสดใส เวลามาเยี่ยมก็คุยแต่เรื่องดี ๆ กัน (น้ำตาคลอ)”

วันนี้แพทเองก็มีน้ำตาคลอ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า ปกติผมก็ไม่ใช่คนแบบนี้นะ แต่เพราะวันนี้เป็นวันที่สุด ๆ เลย เป็นวันที่รอคอยมาตลอดเวลา มันเป็นโอกาส มันเป็นวันที่เกิดใหม่ ยิ่งได้รู้ว่าสังคม เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน พร้อมจะอ้าแขนรับ มันรู้สึกเกินคาดที่เราคิดไว้

ถามว่าเมื่อคืนนอนหลับไหม แพทยิ้มและหัวเราะบอกว่า หลับ ๆ ตื่น ๆ มาตั้งแต่รู้ว่าได้รับการอภัยโทษแล้ว แต่ช่วงหลัง ๆ ประมาณ 14-15 วันมา ได้เข้าอบรมโครงการโคกหนองนา ซึ่งเป็นโครงการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านได้ทรงประทานให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ เป็นหนึ่งในการอบรมผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้นำหลักสูตรโคกหนองนาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้กับผู้ต้องขัง เกี่ยวกับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เกี่ยวกับการดำรงอยู่ด้วยตัวเอง กับการเกษตรในพื้นที่ขนาดเล็ก ซึ่งได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ได้ลงพื้นที่จริง ตั้งแต่การทำโคก ขุดหนอง ทำนา ทุกอย่างได้ลงมือเองหมด รวมกับเพื่อน พี่น้องที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษอีกประมาณ 200 คนในรุ่นนี้


หลังจากนี้วางอนาคตตัวเองไว้อย่างไง ซึ่งแพทตอบว่า ตนต้องวางแผนชีวิตอีกเยอะมาก ๆ เพราะว่ามันมีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันที่เข้ามาในนี้ก็เกือบ 16-17 ปี ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด ต้องเก็บเกี่ยวข้อมูล และก็ค่อย ๆ ศึกษาการใช้ชีวิตในปัจจุบันไป
“ผมไม่ได้กังวลเรื่องการปรับตัวเท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าทางคุณพ่อ พี่ ๆ น้อง ๆ คอยเป็นพี่เลี้ยงให้ผมแน่นอน ก็จะคอยพยายามปรึกษาก่อน เท่าที่ทราบมาจากพี่สาวและคนรอบข้างการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันจะต้องระวังหลาย ๆ อย่างมาก ผมจะต้องระมัดระวังและเชื่อฟังเขา หลังจากที่เป็นเด็กดื้อมานาน ถามว่าเสียดายครึ่งชีวิตที่อยู่ในนั้นไหม ผมว่ามีทั้งสองด้าน ถ้าไม่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ผมอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้มั้ง เพราะว่าผมใช้ชีวิตเสี่ยงมากเลยนะ ช่วงวัยรุ่น 10 กว่า 20 กว่า ๆ ปี ใช้ชีวิตแบบที่ไม่คิดถึงวันพรุ่งนี้เลย พอมาอยู่ในนี้ มันก็เหมือนกับอีก 1 คือความโชคดีในความโชคร้าย ผมว่ามันมีคุณค่าต่อชีวิตผมมาก ถ้าลงในรายละเอียดลึก ๆ ว่าได้อะไร คงจะต้องคุยกันยาวมาก ไว้โอกาสนี้ที่พร้อม และเริ่มปรับตัวกับสังคมได้แล้ว ค่อยนัดมาคุยกันใหม่ดีกว่า”

แฟน ๆ อยากให้กลับมาร้องเพลง แพทบอกว่าเรื่องเพลงเป็นชีวิตของผมอยู่แล้ว ผมอยู่ข้างในเขียนเพลงไว้เยอะมาก และรอโอกาสที่จะมานำเสนอให้ทุกคนฟังด้วย มันเป็นเรื่องที่ทั้งเกิดขึ้นจริงกับตัวเองและคนรอบข้าง และเรื่องการพัฒนาตัวเองในเรื่องของดนตรีที่รัก คือทำอยู่ตลอดเวลา มีการวางแผนทำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งงานเพลงได้ทำแน่นอน และได้มีการคุยกับเพื่อนอดีตวง พาวเวอร์แพทไว้คร่าว ๆ บ้างแล้ว มีโอกาสอย่างมากที่จะกลับมารวมตัวกันและทำเพลงใหม่ มีโอกาสอย่างสูงเลย
เป้าแรกหลังจากที่ออกจากที่นี่คือ ตั้งใจว่าอยากจะบวชให้แม่ หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 697 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม