ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมากค่ะ สำหรับกรณีหนัง “ฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียส 7” ถูกศาลสั่งระงับฉายในประเทศไทยชั่วคราว หลังสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ยื่นฟ้องจำเลย คือ จา พนม, ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และยูไอพี ข้อหาละเมิดโดยการผิดสัญญา เรียกค่าเสียหาย 1,600 ล้านบาท
หลังเป็นข่าวไม่ทันข้ามวัน เรื่องนี้ก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ขึ้นมาทันที และสะเทือนวงการภาพยนตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยเกิดกรณีอย่างนี้มาก่อน // พร้อมๆ กับเกิดคำถามตามมามากมาย เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าพระเอกนักบู๊ จา พนม ได้ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญากับสหมงคลฟิล์มไปแล้ว หลังค่ายใบโพธิ์ส่งหนังสือต่อสัญญาไปให้จาที่บ้านจังหวัดสุรินทร์ โดยพี่สาว จา-พนม เป็นผู้เซ็นรับมอบเอกสารดังกล่าว ซึ่งทนายของสหมงคลฟิล์มอ้างว่าการลงนามรับมอบเอกสารก็เท่ากับว่าได้ต่อสัญญาโดยอัตโนมัติทันที
แต่เมื่อมีข่าวว่า จา พนม จะโกอินเตอร์เล่นหนัง “Fast and Furious 7” เสี่ยเจียง สมศักดิ์ ก็ควง ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิไกร ซึ่งในขณะนั้นยังมีชีวิตอยู่ เปิดโต๊ะแถลงข่าวว่า พระเอกลูกหม้อไปเล่นหนังฮอลลีวู้ดโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสัญญา จึงให้ทนายความดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาก็มีข่าวความเคลื่อนไหวของจาระหว่างถ่ายหนังอินเตอร์เรื่องต่างๆ ออกมาเป็นระลอก และทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่พูดถึงเรื่องสัญญาอีกเลย กระทั่งวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา จาปรากฏตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในงานเปิดตัวหนัง “Skin Trade” ของผู้กำกับ เอกชัย เอื้อครองธรรม โดยพูดเพียงสั้นๆ ว่าที่ผ่านมาไม่เคยลืมบุญคุณ เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เลยแม้แต่น้อย
ถัดมาไม่กี่ชั่วโมงก็เหมือนฟ้าผ่ากลางแสกหน้าแฟนหนังที่รอคอย “ฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียส 7” เมื่อศาลแพ่งสั่งระงับฉายหนังรถซิ่งเรื่องนี้ในไทยชั่วคราว เนื่องจากค่ายใบโพธิ์ยื่นฟ้อง จา พนม , ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และ ยูไอพี ฐานละเมิดโดยการผิดสัญญา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 1,600 ล้านบาท ก่อนที่ทนายของสหมงคลฟิล์มจะออกมาชี้แจงรายละเอียด พร้อมงัดหลักฐานต่างๆ มาโชว์สื่อว่า จาละเมิดสัญญา ไปรับงานแสดงโดยไม่บอกกล่าวกับต้นสังกัด แต่ถ้าจามาไกล่เกลี่ยก็พร้อมเจรจา หลังจากเข้ากลีบเมฆไปนานกว่า 2 ปี
หลังแถลงข่าวก็เกิดกระแสต่างๆ ออกมามากมาย โดยเฉพาะคอหนังที่โจมตีค่ายใบโพธิ์อย่างหนัก // ในที่สุดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ศาลแพ่งตัดสินยกเลิกคำสั่งห้ามฉายหนังเรื่องนี้ เนื่องจาก จา พนม , ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และ ยูไอพี ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ยกเลิกคำสั่งห้ามฉาย ซึ่งศาลเห็นว่านอกจากโจทก์จะฟ้อง จา พนม ในคดีนี้ว่าผิดสัญญาแล้ว ยังได้ฟ้องคดีที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ด้วย แสดงว่าปัญหาเรื่องจา พนมผิดสัญญาหรือไม่ ยังมีข้อโต้แย้งอยู่และต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป // นอกจากนี้คำฟ้องของโจทก์ก็มุ่งประสงค์เรียกร้องค่าเสียหายเป็นสำคัญ และบทแสดงของจา พนม ก็มีนักแสดงอื่นเกี่ยวข้องด้วย การสั่งห้ามฉายหนังจึงกระทบสิทธิของบุคคลภายนอก จึงมีเหตุสมควรให้ยกเลิกคำสั่งของศาลแพ่งที่สั่งไว้เดิม
หลังมีคำสั่งศาลออกมาไม่กี่ชั่วโมง จา พนม ก็แสดงความเห็นผ่านเฟสบุ๊ค โดยขอบคุณศาล พร้อมย้ำเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของศาลไทย และยินดีที่หนังเรื่องนี้ได้เข้าฉายตามปกติ