“บ๊วย” เดือด! แจงเงิน 28 ล้านที่ได้รับบริจาคยังอยู่ น้ำตาคลอำอะไรผิดถึงทำบุญไม่ได้

เป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียล หลังมีเพจหนึ่งในเฟซบุ๊ก ออกมาแฉรายการอย่าง
“ช่องส่องผี”
ว่า เรนนี่พิธีกรหลักแอบอ้างเคยประสบอุบัติเหตุ
ตายไปแล้วฟื้นมาได้เลยเห็นผี สามารถติดต่อกับบูรพกษัติริย์หลากหลายพระองค์
บิดเบือนประวัติศาสตร์ สร้างความเชื่อพิสดารและหลอกขายเครื่องรางปลุกเสกบูชาผี
รวมถึงมีการเปิดบัญชีรับบริจาค ให้คนโอนเข้าบัญชีหนึ่งในพิธีกรของรายการ
อย่างหนุ่ม “บ๊วย เชษฐวุฒิ” ที่เปิดบัญชีชื่อตัวเองแล้วให้ประชาชนโอนมา
ซึ่งมีจำนวนเงินกว่า 28 ล้านบาท สร้างความสงสัยว่าเข้าข่ายฟอกเงิน หลอกลวงประชาชน  ไม่โปร่งใสบางส่วนยังมองว่าพิธีกรดังใช้ประโยชน์จากตรงนี้นำไปลดหย่อนภาษีตัวเองหรือไม่
?



ล่าสุดวันนี้ 3 ก.ค. 2563  พิธีกรหนุ่ม “บ๊วย”
ทนกระแสสังคมที่ออกมาถามถึงประเด็นดังกล่าวไม่ไหว นัดแถลงข่าวด่วนทันที  ในช่วงเวลา
16.00 น.
โรงแรม
S.D. Avenue Hotel พร้อมหอบหลักฐานการโอนเงินบริจาคในช่วง
2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงความบริสุทธิ์
ซึ่งมีผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ “บ๊วย เชษฐวุฒิ” และ “เจมส์ ศราวุฒิ”
สองพิธีกรของรายการมาร่วมแถลงข่าว พร้อมด้วย “ทนายความ ปาริกา กองเงิน” ส่วน เรนนี่
สุระประคำ อีกหนึ่งพิธีกรไม่มาร่วมแถลงข่าว โดยแจ้งว่าไปทำบุญที่จ.เชียงใหม่


“บ๊วย เชษฐวุฒิ” เผยว่า “ก่อนอื่นผมต้องชี้แจงก่อนว่า จริงๆ
เรามีความตั้งใจจะแถลงข่าวกันในวันที่ 6 ซึ่งก็คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้
เป็นวันเข้าพรรษา และเราก็จะไปถวายเทียนพรรษากันที่วัด
คือเราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะแถลงข่าวกันในวันนี้เลย
แต่ด้วยความที่ตอนนี้ผมได้รับผลกระทบ ผมจึงจำเป็นที่จะต้องทำการแถลงข่าวด่วน”

 

“ที่ผ่านมาผมยอมรับนะครับว่าทุกคนอาจจะไม่ได้รู้จักรายการช่องส่องผี
เพราะรายการเราเป็นรายการเล็กๆ มีทีมงานไม่ถึง 10 คน
และส่วนใหญ่คนที่มาร่วมกันทำงานก็เป็นอาสาสมัคร
ดังนั้นในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ชมรายการและพอมันมีข่าวแบบนี้ออกมา
มันก็เลยมีความเสี่ยงที่จะถูกเข้าใจผิดได้
ดังนั้นผมจึงอยากจะชี้แจงในฐานะที่ผมเองเหมือนเป็นจำเลยสังคม
ที่บอกว่าผมฉ้อโกงบ้างแหละ ลวงโลกบ้างแหละ หรืออะไรก็ตามที่ว่ากล่าวต่างๆ
นานาเข้ามา และไม่ใช่แค่การทวงถาม แต่เป็นการใช้คำหยาบคาย”



“อย่างที่บอกครับจริงๆ แล้วเรามีแพลนจะชวนกันไปทำบุญช่วงเช้าวันจันทร์ที่วัด
และก็ถวายเทียนเข้าพรรษา และหลังจากถวายเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เราก็จะเริ่มการแถลงข่าว ซึ่งผมต้องย้ำก่อนนะครับว่าตามกำหนดการมันคือการ
ชวนกันไปทำบุญไม่ใช่การแถลงข่าว แต่ด้วยความที่มันมีข่าวนี้ออกมาเราก็จะถือโอกาสพูดในวันนั้นเลย
เราไม่ได้มีเจตนาหลบเลี่ยงสื่อมวลชนแต่อย่างใด”


“ถามว่าทำไมวันนี้อาจารย์เรนนี่ถึงไม่มา
ก็เพราะวันนี้อาจารย์เรนนี่ไปทำบุญที่เชียงใหม่ตามกำหนดการเดิมของเขาครับ
เนื่องจากว่ามันเป็นวันที่เราหยุดถ่ายทำรายการ
แต่ถามอีกว่าทำไมผมถึงต้องแถลงข่าวด่วน ก็อย่างที่บอกครับผมได้รับผลกระทบ
เพราะล่าสุดท่านเจ้าคุณที่ผมจะไปทำบุญถวายเทียนพรรษาในวันจันทร์
ท่านได้โทรมาหาผมด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ
ท่านบอกว่าเขาไม่ให้มีงานแถลงข่าวที่วัดได้ไหม
? เทียนพรรษาขอให้ไม่ถวายที่วัดได้ไหม?
ซึ่งผมซื้อเทียนพรรษาไว้เรียบร้อยแล้ว มันเลยทำให้ผมสงสัยว่าผมโดนคดีอะไรเหรอทำไมผมถึงถวายเทียนพรรษาที่วัดไม่ได้
ผมผิดอะไรเหรอ”


“เท่านั้นไม่พอครับ ใบอนุโมทนาบัตรที่มียอดหนึ่งล้านกว่าบาท
ผมแก้ไขแล้วนะครับ ผมอ่านกระแสสังคมที่บอกว่าทำไมถึงต้องเป็นชื่อผม
ซึ่งอันนี้ผมได้คุยกับนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญเรื่องสรรพากร
และเชื่อว่าการมีใบอนุโมทนาบัตรเป็นชื่อบุคคลมันคือเรื่องปกติของสังคมไทย
จะเป็นชื่อใครล่ะครับในเมื่อบัญชีเป็นชื่อผม ใบอนุโมทนาบัตรก็ต้องเป็นชื่อผม
แต่มันก็มีประเด็นอีกว่า ทำไมไม่เป็นชื่อคนอื่น
? เขาโอนกันมาเท่าไหร่? คือ… ยอด 1 วัน หนึ่งล้านบาท ผมจะแจงอย่างไรครับ”


“อย่างที่บอกครับตอนแรกผมตั้งใจจะพูดทุกอย่างวันจันทร์
แต่สาเหตุที่ทำให้ผมต้องออกมาแถลงข่าววันนี้ก็เป็นเพราะผมไม่มีที่ยืน
ผมถวายเทียนพรรษาไม่ได้ ผมทำบุญไม่ได้ครับเพราะวัดไม่รับ
ต่อจากนี้ช่องส่องผีไปที่ไหนผมเป็นตัวซวยเหรอครับ ผมทำผิดอะไร ผมผิดกฎหมายอะไร
ผมเป็นจำเลยสังคมเหรอ ทุกคนสนุกมากกับการเสพข่าวว่าบ๊วยมันจะชิบหายเมื่อไหร่”

“และท่านก็พูดอีกว่า
โยมถ้าเงินหนึ่งล้านกว่าบาทเนี่ยอาตมาขอคืนได้ไหมเขียนเช็คคืนจากทางวัด
? ตอนนั้นใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยครับ
เพราะถ้าคืนผมต้องคืนทั้งหมด และถ้าหากวัดไม่รับเงินผมก็จะโอนคืนให้หมดทุกบัญชี
ทุกบาท ทุกสตางค์ที่โอนเข้ามา แต่มันต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ ผมไม่โกงแน่นอน”

“ก่อนหน้านี้เรื่องใบอนุโมทนาบัตรที่มีปัญหา
ผมก็ได้ขอไปแก้กับทางวัดแล้วนะครับ
ก็คือเพื่อความสบายใจของทางวัดหากทางวัดไม่สบายใจ ก็ขอให้ท่านเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น
เชษฐวุฒิ วัชรคุณ และครอบครัวช่องส่องผี รวมถึงเขียนกำกับด้วยว่า
จะไม่นำใบอนุโมทนาบัตรนี้ไปใช้ประโยชน์ทางการลดหย่อนภาษีไม่ว่าใดๆ ก็ตาม
ซึ่งผมจะไปเซ็นชื่อวันจันทร์
แต่กลายเป็นว่าวันนี้ผมต้องจัดแถลงข่าวด่วนเพราะผมโดนแบบนี้
และผมก็ต้องโอนเงินคืนทั้งหมดเพราะว่ามันผิดวัตถุประสงค์แล้ว”

 





“รายการช่องส่องผี คือรายการที่นำเสนอเรื่องบาปบุญคุณโทษ
หลายคนบอกว่ามันเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ อันนี้ผมเข้าใจนะครับ
และผมก็บอกเสมอตลอดทั้งเทปถ้าหากคุณไปฟัง
ผมจะบอกทุกครั้งครับว่าประวัติศาสตร์เป็นแบบนั้นแบบนี้ตามที่ผมศึกษามา
แต่สิ่งที่เราจะนำเสนอนั้นมันคือมุมมองของเรา ซึ่งผมก็ต้องขอโทษด้วย ขอโทษจริงๆ
ที่มันไปกระทบความเชื่อส่วนบุคคลของใครก็แล้วแต่”

“สำหรับเรื่องเหรียญเราขายครับ
สื่อทุกสื่อผมถามหน่อยคุณมีสปอนเซอร์ไหมครับ คุณต้องใช้เงินไหมครับ
คุณต้องใช้ปัจจัยไหมครับ เหรียญขายจริงๆ ครับ อันไหนเราขายเราก็บอกว่าขาย
เราไม่เถียง แต่ที่คนมาบอกว่าราคาเป็นหมื่น จริงๆ เราขายกันแค่ 299 บาท
แต่เขาไปปั่นกันเอง อาจารย์เจมส์ยังบอกเลยว่าอย่าไปซื้อเพราะราคามันสูงเกิน”

“ผมไม่ได้ตั้งใจทำรายการเพื่อรับบริจาคเงิน
ผมไม่ได้เรี่ยไรเลยว่าทุกคนต้องเท่านั้นเท่านี้ แต่ผมพูดเสมอว่า
รายการของผมคือตัวแทนของความสามัคคีเล็กๆ ที่สามารถร่วมกันทำบุญใหญ่ได้
รายการเราสอนเรื่องบาปบุญคุณโทษ เอาเงินไปหนึ่งบาทก็กลายเป็นเปรตแล้ว
ดังนั้นผมจะเอาทำไม ถ้าผมเอาผมคงไม่มีหน้าไปพูดหรอก ประเทศนี้ผมขอถามหน่อยครับ
มีใครบ้างที่ทำผิดจนไม่สามารถทำบุญได้ในฐานะพุทธศาสนิกชน มีไหมครับ
ผมคิดว่าผมคือคนแรก”

ไม่ต้องกังวลเลยครับว่าจะมีการโกง ลวงโลก
ไม่ต้องห่วงเลยครับว่าผมจะทำแบบนั้น
เพราะว่าสรรพากรจะรู้อยู่แล้วว่าบัญชีของใครเป็นอะไรยังไง
ข้อมูลทุกอย่างจะถูกส่งไปให้สรรพากรอยู่แล้วครับ”

 

เรื่องกล้องเรามีอะไรอยากจะชี้แจงไหม ?

เจมส์ :  “สำหรับกล้องผมไม่เถียงอาจารย์อีกท่านนะครับในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์
ผมเห็นด้วยครับกับสิ่งที่ท่านพูด
แต่ว่าสิ่งที่ผมพบมันไม่เหมือนกับสิ่งที่ท่านเข้าใจ
เพราะเวลาที่ผมอยู่หน้างานสิ่งที่อาจารย์เรนนี่พูดกับสิ่งที่ผมเห็นหน้าจอมันบังเอิญเกินไป
คือมันเยอะจนผมเชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้ และถ้าถามผมว่ามันคืออภินิหารไหม
อันนี้ผมก็ไม่รู้ แต่สำหรับผมมันเป็นสิ่งที่ผมเองก็อธิบายไม่ได้ครับ”

บ๊วย :  “เรนนี่จะเห็นผีหรือไม่เห็นผีผมไม่ได้ต้องการมาพิสูจน์
มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ
30 ต้นๆ
ถูกด่าอีบ้างแหละ ด่าพ่อแม่บุพการีบ้างแหละ เขาเป็นน้องเรา จะให้เราทำยังไงล่ะ
คือถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องดู ไม่เป็นไร และถ้าเกิดผิดกฎหมายก็แจ้งความ
ก็ท้วงติงมาได้ แต่ขอให้ที่เป็นคำสุภาพพูดกันดีๆ”

อย่างล่าสุดมีข่าวออกมาว่าผมโดนหนังสือ บุกรุกของกรมศิลปากร ?

บ๊วย :  “วันนี้ผมเอาเอกสารมาครับ
ชื่อเรื่องเขาระบุว่า
ขอแจ้งการใช้สถานที่ภายในเขตโบราณสถาน
นี่คือการบุกรุกเหรอ บุกรุกเหรอครับ”

เจมส์ :  “ผมต้องขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมนิดหนึ่งนะครับ
เรื่องนี้ก็คือเราตั้งใจจะหล่อพระไปตั้งที่วัด
แต่การที่ผู้ใหญ่ที่ท่านดูแลพื้นที่ท่านส่งจดหมายมาเตือน
นั่นคือสิ่งที่ท่านทำถูกต้องแล้วครับ”

เจมส์ :  “แต่สำหรับเรื่องของวันที่ 2 มิถุนายน อันนี้ตัวผมเองก็ต้องขอน้อมรับผิด
ในกรณีที่เราเดินทางไปถ่ายทำที่วัดกุฎีดาว
เนื่องจากเทปวัดกุฎีดาวเป็นเทปแรกที่เราไปถ่ายมาทำกันในสถานที่โบราณ
อันนี้ผมยอมรับผิดครับ
และถ้าหากกรณีที่ผมไปถ่ายทำได้สร้างความเสียหายในเรื่องข้าวของหรืออะไรก็แล้วแต่
ผมก็ยินดีที่จะเข้าไปดำเนินการจัดการให้เรียบร้อยครับ”

 “อย่างกรณีของวัดกระซ้าย
อันนี้ตัวผมเองก็ไม่ทราบ
เพราะตอนที่ไปถ่ายที่วัดกระซ้ายผมเดินไปไม่ได้มีความตั้งใจจะไปถ่าย
แต่พอผมไปเจอกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนดูแลพื้นที่
ผมก็ได้ไปถามเขาว่าที่ตรงนี้ผมสามารถถ่ายได้ไหม
? มีคนดูแลไหม? และพอเขาบอกว่าได้อนุญาต ผมก็เลยเข้าไปทำการถ่ายทำ”






บ๊วย :  “เรื่องความผิด ผมยอมรับผิดครับ
ถ้าหากมีความผิดตามกฎหมายผมยอมรับครับ อย่างกรณีของวัดกุฎีดาว
ตอนแรกวัดเป็นวัดร้างนะครับ
แต่ตอนนี้มันเหมือนเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์และกลายเป็นสร้างธุรกิจให้กับชุมชนไปแล้ว
คุณสามารถไปดูก่อนและหลังได้ว่ามันมีการพัฒนาขึ้นในธุรกิจฐานราก
ลองไปถามดูครับ”

บัญชีที่เราเปิดรับบริจาค มันเป็นบัญชีเลขเดียวหรือว่ามีหลายบัญชี ?

บ๊วย :  “คือบัญชีที่อยู่ในกองเดียวกัน 25 ล้าน มันมีทั้ง กฐินวัดแก้วฟ้า มีทั้งสถูปพระเจ้าตาก มีทั้งทำบุญเด็ก
มีทั้งผ้าป่าวัดมโนภิรมย์ มีทั้งกองทุนโควิด-
19 มันเลยเป็นยอด
25 ล้านบาท ผมถึงได้บอกว่าแม้มันมากองรวมกัน
แต่ว่าตอนปิดยอดของแต่ละโครงการตัวเลขมันตรงนะ คุณสามารถไปย้อนดูได้”

“อย่างเรื่อง โควิด-19 ถามผมว่าทำไมต้องตั้งกองทุน
ก็คือด้วยความที่เพื่อนผมเป็นคุณหมอ ผมก็ถามเขาว่ามีอะไรให้ช่วยบ้างไหม
มันก็คือการช่วยกันครับเป็นการร่วมบุญกันและถ้าถามอีกว่าทำไมถึงต้องเป็นบัญชีผม
สะพานบุญครับ ผมใช้ชื่อตัวเองการันตีซึ่งมันเสี่ยงมาก
ไม่เป็นการการันตีตัวเองครับ”

เจมส์ :  “เราสามารถบอกได้ทันทีว่ายอดนี้ใช้เท่านี้เหลือเท่านี้
อันนี้ปิดยอดไปแล้วเหลือเท่านี้ซึ่งมันจบง่ายกว่า”

แล้วคนโอนเขาจะทราบได้อย่างไร ว่าเขาโอนมาเพื่อสร้างเจดีย์
หรือโอนมาเพื่อใช้ในโครงการอื่น
?

บ๊วย :  “ทราบครับ
เพราะเราจะประกาศก่อนเลยว่าถ้าหากใครโอนเงินมาหลังจากวันนั้นวันนี้
เงินของคุณก็จะไปสมทบอีกยอดหนึ่งนะ ซึ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้”

ตอนนี้ได้มีการโอนเงินไปแล้วบ้างหรือยัง ?

เจมส์ :  “เงินทุกอย่างยังอยู่ในบัญชีพี่บ๊วยทั้งหมด
ยังไม่ได้มีการใช้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ทางพี่บ๊วยเขาได้แตกออกไปเป็นกองๆ
ตามวัตถุประสงค์และยอดที่ปิดไว้เท่านั้น ยังไม่ได้มีการโอนเลยทั้งสิ้น
ยังไม่ได้จ่ายให้ใครเลย จะมีก็แค่อย่างเดียวก็คือจ่ายยกช่อฟ้า”

บ๊วย :  “ผมผิดเองครับ จริงๆ
มันต้องใช้คำว่าแบ่งสมุด ผมโง่เอง ขอโทษด้วยครับ”

ย้อนกลับไปกรณีที่ทางวัดแจ้งว่าจะไม่ขอรับเงินในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
เราตั้งใจจะทำอย่างไรต่อ
?

ทนายความ : “เราก็จะโอนคืนครับเพราะเงินไม่ได้ถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์
สมมุติว่าถ้าหากทางวัดเขียนเช็คคืนกลับมา และเงินกลับเข้ามาในบัญชีปุ๊บ
เราก็จะโอนเงินทุกบาททุกสตางค์คืนตามเลขบัญชีที่โอนมาหาเรา
ซึ่งอาจจะช้าหน่อยแต่เรามีต้นขั้วอยู่แล้ว ตรวจสอบได้”

 

มีประเด็นเหมือนกันนะครับที่เข้ามาถามว่าทำไมถึงไม่โอนตรงไปที่วัด ?

บ๊วย : “ก็คือไม่ใช่นะครับ
ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะต้องโอนในบัญชีชื่อผม อย่างกรณีของวัดแค สุพรรณบุรี
ที่จะทำหอสวดมนต์ ผมก็บอกครับเพราะโอนเข้าบัญชีวัดได้เลย
เพราะผมก็ไม่อยากจะแบกเยอะจนเกินไป และเงินสองล้านกว่าบาทก็มีหนังสืออนุโมทนาออกมา
ทุกคนก็ได้เห็น”

ยืนยันว่าไม่มีการนำเงินไปใช้ส่วนตัวแน่นอนถูกต้องไหม ?

บ๊วย :  “ถ้าทำผมไม่มีที่ยืนแน่นอนครับ
เพราะขนาดตอนนี้ผมไม่ได้ทำ ผมยังแทบจะไม่มีที่ยืนเลย
เงินทุกบาททุกสตางค์เขาโอนมาด้วยจิตบริสุทธิ์ และตอนนี้ตัวผมเองก็กำลังถูกทำลายศรัทธา”

จะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาไหม ?

ทนายความ : “ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเก็บรายละเอียดข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน
คืออยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ซึ่งในการที่เราจะดำเนินคดีกับใครสักคน คนๆ
นั้นจะต้องละเมิดกฎหมายกับเราจริง
ฉะนั้นไม่ต้องกลัวเลยค่ะว่าจะเป็นการดำเนินคดีแบบกลั่นแกล้งหรือปัดกวาด
แต่จะต้องเป็นความผิดที่ชัดเจนและเราได้รับความเสียหายอย่างชัดเจนเท่านั้นค่ะ”





เรื่องของการเห็นผีเรามีอะไรจะชี้แจงบ้าง ?

บ๊วย :  “เรื่องคนเห็นผีผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีคนเดียวครับ
และผมก็เลยไม่ได้บอกด้วยว่าจะต้องให้ใครเชื่อ หรือต้องมาเชื่อเหมือนผม
ผมคิดว่าการทำงานของรายการช่องส่องผี คือครอบครัวของเราก็แค่อยากจะทำดี
ทำดีให้ผีอาย ตามแฮชแท็กที่เราตั้งขึ้น”

 

รู้สึกอย่างไรบ้างที่คนมองว่าเราบิดเบือนประวัติศาสตร์ ?

บ๊วย : “เสียใจครับ แต่ผมอยากขออนุญาตให้ทุกคนไปดูคอนเทนต์ของรายการทั้งหมด
ว่าคอนเทนต์ของรายการคืออะไร เพราะถ้าตอบไปมันก็ไม่จบ”

ที่ผ่านมาเราได้ถามอาจารย์เรนนี่ไหมว่าเขาเห็นจริงหรือเปล่า ?

เจมส์ :  “เราถามตลอดครับ ผมจะเรียนอย่างนี้ครับว่า
ถ้าหากดูเทปวัดขุนอินทประมูล คือเราจะบอกว่า สถานที่ไหนที่เคยมีครูบาอาจารย์มานั่งสวดมนต์หรืออะไรก็แล้วแต่
ที่ตรงนั้นจะมีบารมีประสิทธิ และสำหรับในวันที่เราหล่อพระ
เราก็หล่อเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เพราะเราคิดว่าเราทำเพื่อแผ่นดิน
ดังนั้นเวลาที่เราอัญเชิญเทวดา อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ บูรพกษัตริย์ที่เราเคารพ
ก็จะมีบารมีประสิทธิที่เป็นเหมือนบารมีของท่านมาปกป้องดูแล”

บ๊วย : “ซึ่งอาจารย์เรนนี่ไม่ได้อันเชิญนะครับ”

ทนายความ : “ใช้คำว่าบารมีประสิทธินะคะหรือบารมีของท่าน
โดยลักษณะการเห็นของอาจารย์เรนนี่ ก็คืออาจารย์จะเห็นในลักษณะของลำแสง ซึ่งมันไม่สามารถจะอธิบายหรือบอกให้ใครที่ไม่ได้มีความเชื่อได้ทราบหรอกว่า
อาจารย์เห็นจริงหรือไม่เห็นจริง ต่อให้เห็นจริงแต่คุณไม่เชื่อ
มันก็ไม่เกิดประโยชน์ในการตอบคำถามนี้

ประเด็นเรื่องคำว่าการแอบอ้าง เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ใช้กันจังเลย
คำว่าแอบอ้างมันแฝงไปด้วยว่าเราอาศัยประโยชน์จากการพูดถึง
ซึ่งในการกล่าวถึงแต่ละครั้งของเรา ไม่ได้มีการอ้างเพื่อประโยชน์
แต่เป็นการกล่าวถึงด้วยความเคารพ จบประเด็นค่ะเท่านี้”

การทำงานของรายการช่องส่องผีหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ?

บ๊วย : “รายการเราทำไปพัฒนาไป เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพัฒนาอีก
แต่ก็งงเหมือนกันครับ มึน”

เจมส์ :
“เราก็ต้องยอมรับคำว่าเราควรที่จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น ทุกๆ คำเตือนทุกๆ
ข้อความที่ทุกท่านให้สติว่าเราต้องระวัง
เพราะบางครั้งคำพูดของเรามันก็ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ซึ่งคนดธบางคนเขาก็อาจจะไม่ได้ใช้วิจารณญาณในการดูเลยและเขาเชื่อไปเลย
ดังนั้นเราก็อาจจะต้องกรองกันให้มากยิ่งขึ้น
และก็คงจะต้องปราณีตในการถ่ายทำมากขึ้น ต้องมีการปรับครับ
เพื่อให้สังคมได้ประโยชน์ตามความตั้งใจและจุดประสงค์ของพวกเราตั้งแต่แรก” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน 


เข้าชม 69 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม