เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับพิธีกรดัง “แมทธิว ดีน” ที่อัดคลิปลงอินสตาแกรมส่วนตัววันนี้(19มี.ค.2563) หลังเข้ารับการรักษาตัวได้ร่วม 1 อาทิตย์แล้ว โดย เผยว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามาให้ผมตามช่องทางต่างๆ ถือเป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับผมและเดีย ที่จะสู้กับไวรัสนี้ครับ ส่วนอาการของผมตลอด 6-7 วันที่นอนโรงพยาบาล ตั้งแต่แรกคือมันไม่ได้รู้สึกหนักมาก เหมือนเป็นไข้หวัด ปวดเมื่อยตามร่างกาย เหมือนอยากนวด มีคัดจมูกเหมือนเป็นภูมิแพ้ และพอไข้เริ่มขึ้น ผมก็ไปหาหมอ นี้เป็นสัญญาณที่ทุกคนควรจะรีบไปหาหมอ”
.
“พอมีไข้ไป 1 วันกว่าๆ ก็มาเข้าโรงพยาบาล ไข้ก็เริ่มหาย เป็นแบบนี้ประมาณ 3-4 วัน ทุกคนก็ดีใจ ว่าร่างกายเราก็สู้อยู่ น่าจะเป็เนสิ่งที่ดี ผมก็คอยถามคุณหมอ เพราะไม่อยากดีใจมากในเรื่องไข้ที่หาย เพราะเข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคใหม่ หมอทั่วโรคหลายคนยังไม่เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่เราหวังว่าไข้จะไม่กลับมา แต่เมื่อวาน(18มี.ค.)หลังไม่มีไข้ 4 วัน ก็ดันไข้กลับมา ช่วงไม่มีไข้ทุกอย่างดูปกติ แต่เมื่อวานพอไข้ขึ้น หมอก็บอกว่าจะเริ่มให้กินยา ซึ่งยามีหลายตัว เพื่อที่จะขับไล่ออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด คือถ้าปล่อยเฉยก็ออกเองแต่จะนานมาก และปล่อยไปก็ไม่รู้จะดีขึ้นหรือแย่ขึ้น เลยเริ่มกินยาไป 4 ตัว มียามาลาเรีย ยาต้านเอชไอวี และอีก 2 ตัว ที่เป็นสูตรมาตรฐานที่คนทั่วโลกกินตอนนี้ ยาก็แรงเราก็หลับไม่ลง แต่ไข้ดีขึ้นเป็นช่วงๆ”
.
เรื่องความเจ็บ-ทรมานของโรค หนุ่มแมทธิวเล่าว่า “ในเมื่อเป็นแล้วมันขนาดไหน บอกยาก ทุกคนมีความอดทนที่ไม่ตรงกัน แต่สำหรับผมไม่เท่าไหร่ และที่แตกต่างออกไปคือความกังวลมากกว่า การที่เราไม่รู้ แม้กระทั้งหมอที่ยังไม่รู้คำตอบชัดเจนเกี่ยวกับโควิด-19 ถามอะไรไปก็ยังไม่กล้าตอบเต็มปาก ซึ่งความกังวลนี้ทำให้เราคิดไกลมากๆ ตอนแรกที่ไม่มีไข้ก็ไม่เจ็บนะ แต่มันเจ็บใจ ในเมื่อเราคิดถึงคนที่ติดจากเรา แฟนผม หรือคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทำให้เสียงาน เสียรายได้ คิดถึงครอบครัวที่อาจจะติดจากเรามาก มันกังวลสุดๆ และความเครียดตรงนี้ อะไรที่ไม่มีคำตอบกับการรอคอยมันเจ็บปวดที่สุด ส่วนสภาพจิตใจก็ดีขึ้นนิดนึง เราเริ่มอยากเจอ เริ่มอยากกอด เพราะต้องอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ทั้งคืน บนเตียง 85 เปอร์เซ็นต์”
.
ส่วนความน่ากลัวของโรคนี้ “ผมก็ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือความรู้เกี่ยวกับมัน ก็ได้ฟังที่หมอเล่า และศึกษาเองบ้าง แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกแบบนี้กับการเป็นโรคที่ไม่มีวัคซีน หรือการรักษาที่ชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องทำตามที่เขาแนะนำกัน คือ เลี่ยงไปในที่คนมากๆ โดนตัวน้อยลง เจอกันน้อยลง มันจะทำให้โรคนี้ติดกันน้อยลง ฉะนั้นสถานที่บันเทิง การแข่งขันกีฬา ร้านอาหารใหญ่ หรืออะไรที่มันได้ก็ปิดหรือเลี่ยง เข้าใจว่ามันไม่ง่ายนะ กับคนที่ต้องไปทำงานหาเงินวันต่อวัน เข้าใจแต่ต้องใช้ความอดทน คิดในแง่ถ้าเราไม่ทำ ใช้ชีวิตปกติ และสุดท้ายคนก็เป็นกันเยอะ ฉะนั้นทำกันให้เร็วที่สุด และรีบกลับมาฟื้นประเทศ ฟื้นโลกเราให้เร็วที่สุด”
.
“ฝากรัฐตรวจดูให้จริงจังว่าสถานบันเทิงปิดจริงหรือเปล่า หรือแอบเปิดรอบดึกเพื่อหวังโกยลูกค้า ตรงนี้มันเป็นเรื่องของประเทศชาติแล้ว ต้องทำให้ได้ไม่นั้นเราจะไม่มีความสุขในประเทศนี้อีกยาว ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ และในช่วงสิ้นเดือนนี้จะมีคนพ้นกักตัว 14 วันเยอะมาก ขอบอกว่าทุกคนอย่าเพิ่งชะล่าใจกับโรคนี้ อย่าเพิ่งกลับไปใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงไปเจอผู้คนมากมาย แต่ต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง เลี่ยงได้เลี่ยง โรคนี้จะได้หายไปครับ” แมทธิวกล่าว