“ดารากับผลกระทบงานพรีเซ็นเตอร์”

         ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชื่อเสียงและความโด่งดังของอาชีพศิลปินนักแสดงเป็นใบเบิกทางชั้นดีในการต่อยอดไปสู่งานอีเวนท์และพรีเซ็นเตอร์สินค้าอื่น ๆมากมาย อย่างซุปตาร์บ้านเราหลายคนแม้จะไม่มีผลงาน การแสดงให้เห็นกันทุกปี แต่กลับมีงานพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่องจนนับไม่ถ้วนนั่นหมายถึงว่าจำนวนเงินที่พวกเขาจะได้รับก็ยิ่งทวีคูณขึ้นด้วยเช่นกัน  แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเหล่าคนดังจะไม่ได้สวยหรูไปซะหมด
เพราะบางรายก็พลาดท่ามีปัญหาจากการทำงานถึงขั้นขึ้นศาลเลยเหมือนกัน


อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวคึกโครม เมื่อลูกทุ่งชื่อดัง “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” ถูกศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษาจำคุก 20 ปีโดยไม่รอลงอาญา พร้อมพวกรวม 15 คน ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จากการขายสินค้าเกษตร ก่อนจะประกันตัวออกมาด้วยเงินสดจำนวน 5 แสนบาท โดยสาเหตุของการตกเป็นจำเลยครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทแทนคุณแผ่นดินสยาม จำกัด จ้าง”ยิ่งยง” เป็นพรีเซนเตอร์ปุ๋ยในราคา 5 ล้านบาท แต่กลับยื่นข้อเสนอใหม่ให้ถือหุ้นแทนการจ่ายค่าตัว ซึ่งผลประโยชน์ที่ได้รับมีมากกว่า “ยิ่งยง”จึงตอบตกลง โดยถือหุ้น 10% แต่ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ถือหุ้น ยิ่งยงไม่มีอำนาจเซ็นเอกสารใดๆทั้งสิ้น เมื่อผู้เสียหายรวม 13 รายนำเงิน 10 ล้านบาทไปร่วมลงทุนด้วย แต่ไม่ได้รับเงินตอบแทน โดยทางบริษัทแจ้งว่าไม่มีให้เพราะขาดทุน พร้อมระบุถ้าอยากได้เงินคืนก็ให้ไปฟ้องศาล ยิ่งยงในฐานะกรรมการบริษัทจึงพลอยติดร่างแหไปด้วยตามที่เป็นข่าว แน่นอนว่าการตกเป็นจำเลยคดีฉ้อโกงครั้งนี้ส่งผลกระทบหลายอย่างกับชีวิตทั้งชื่อเสียง โดนถอดโฆษณา และคอนเสิร์ตในต่างประเทศที่ต้องยกเลิกไปทั้งหมด 

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ขณะที่เป็นขาขึ้นของพระเอกหนุ่มลูกครึ่ง “ณเดชน์ คูกิมิยะ”  มีงานพรีเซ็นเตอร์อยู่ในมือนับสิบชิ้น หนึ่งในนั้นคือบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคเจ้าใหญ่  แต่การเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ “ณเดชน์” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ  เมื่อขาดการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา โดยเหตุเกิดจาก “ณเดชน์” มีคิวบินไปถ่ายนิตยสารที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทสินค้าดังกล่าวซื้อโฆษณากับนิตยสารฉบับนั้น  และมีหน้าที่จัดการดูแลการถ่ายทำโฆษณาด้วย ช่วงท้ายการถ่ายทำทีมงานต้องการให้ “ณเดชน์” ถือสินค้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ แต่ “แม่แก้ว” ไม่ยอมเพราะไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลง โดยแจ้งว่าถ้าถือสินค้าจะต้องจ่ายคนละราคากัน เมื่อทางทีมงานทราบจึงรีบส่งกระเช้าดอกไม้ไปขอโทษ แต่แม่แก้วไม่รับพร้อมส่งคืน
รอยร้าวนี้ส่งผลกระทบโดยตรงกับตัวพรีเซ็นเตอร์อย่าง “ณเดชน์” เมื่อเจ้าตัวออกมายอมรับว่าได้มีการถอดตนออกจากโฆษณาจริง ก่อนจะปิดท้ายสวย ๆ ว่าไม่ได้คิดมากเพราะพรีเซ็นเตอร์ที่มีอยู่ในมือตอนนี้ก็จำแทบไม่หมดแล้ว


นางเอกสาว “มิน พีชญา” เป็นอีกหนึ่งคนที่ตกเป็นจำเลยสังคมในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งเมื่อ 4 ปีก่อน หลังมีภาพเธอใช้โทรศัพท์รุ่นอื่นเข้าฉากในละครเผยแพร่ไปทั่วโลกโซเชียล จนหลายคนตั้งคำถามว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำแล้วหรือในฐานะการเป็นพรีเซ็นเตอร์ อีกทั้งยังมีข่าวลือหนาหูว่าค่ายโทรศัพท์จ่อฟ้อง “มิน” เป็นเงินถึง 10 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าไม่เป็นความจริง
และยังคงให้ “มิน” คงสถานะของการเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะจบลงด้วยดีแต่แน่นอนว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นย่อมไม่ได้ส่งผลดีกับตัว “มิน” เพราะความน่าเชื่อถือในฐานะตัวแทนแบรนด์สินค้าย่อมลดลงในสายตาของใครหลายคนเช่นกัน

เช่นเดียวกับซุปตาร์แม่ลูกแฝด “ชมพู่ อารยา”  ที่ต้องออกมาเคลียร์ปมดราม่าหลอกลวงผู้บริโภค หลังมีภาพใช้โทรศัพท์แบรนด์อื่นที่ไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ในช่วงที่เดินทางไปร่วมงานพรมเเดงเทศกาลเมืองคานส์ ซึ่งชมพู่ก็ออกมาชี้แจงว่า  โทรศัพท์มือถือของตนยังเป็นยี่ห้อที่ตนเป็นพรีเซนเตอร์อยู่  แต่ที่ต้องจับโทรศัพท์ยี่ห้ออื่นเป็นเพราะเหตุผลเรื่องงานนอกจากนั้นยังย้ำอีกว่า  ตนมีความซื่อสัตย์   หากไม่รู้หน้าที่คงไม่มีงานโฆษณาหลายชิ้นอย่างที่ทุกคนเห็นหรอก

จากปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นเหตุให้มีเหล่าคนดังอีกหลายคนที่เลือกจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยการลุกขึ้นมาประกาศชัดเจนถึงแนวทางและขอบเขตการรับงานของตนเองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายในอนาคต 


อย่างนางเอกสาว “ปู ไปรยา” ที่ขึ้นแท่นเป็นเจ้าแม่พรีเซ็นเตอร์ เพราะมีสินค้าที่ว่าจ้างเธอนับชิ้นไม่ถ้วน และส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทความสวยความงาม ซึ่งเธอตั้งกฎเหล็กว่าจะไม่ยอมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าที่ไม่ได้ใช้เองเด็ดขาด เพราะไม่อยากหลอกลวงผู้บริโภค รวมถึงไม่อยากเอาชื่อเสียงตัวเองไปเสี่ยงแม้เม็ดเงินที่ได้รับจะมากมายมหาศาลก็ตาม 

เช่นเดียวกับนางเอกสาวร่วมช่อง “เกรซ กาญจน์เกล้า” ที่ขึ้นชื่อเรื่องผิวขาวโอโม่จนมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลายเจ้าจับจ้องอยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธประกาศชัดเจนว่าไม่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้อาหารเสริมยี่ห้อไหนทั้งนั้น นอกจากแบรนด์ที่ตัวเองลงทุนทำเอง รวมถึงไม่ถ่ายรูปคู่กับสินค้าอื่นด้วย เนื่องจากตนถูกจับจ้องเรื่องผิวพรรณมาแต่ไหนแต่ไร การรับงานจึงต้องเลือกให้มากที่สุดว่าดีเเละปลอดภัย  อีกทั้งยังฝากถึงผู้บริโภคว่าอย่าเชื่อหรือหลงซื้อสินค้าที่แอบอ้างชื่อตน เพราะนอกจากจะเป็นของปลอมทั้งหมดแล้ว หากเจอสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย            

           

           

เข้าชม 98 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม