“พ่อ-แม่กุญแจซอล” ฝากถามลูกสาวจะกลับมา “เผาศพ” บุพการีไหม?

หลังจากนักแสดงรุ่นใหญ่ “นึกคิด บุญทอง” หรือ “คุณพ่อ” ของนางเอกสาววิกหมอชิต “กุญแจซอล ป่านทอทอง” ได้ยอมรับว่าลูกสาวตั้งครรภ์กับ “นาวาอากาศโท ฌณัฏฐ์ เลิศพัฒนาไทย” แฟนหนุ่มนอกวงการจริง แต่ทางครอบครัวยังไม่ได้เจอหน้าลูกสาวมาเป็นเวลากว่า 8 เดือน และในความรู้สึกของคนเป็น “พ่อแม่” คือเจ็บจนจุกอก   


.

ล่าสุดวันนี้ 18 ต.ค. 2560 ทีมข่าว “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ได้เจอเจอตัว “คุณพ่อนึกคิด” และ “คุณแม่มุก – มุกดา บุญทอง” อีกครั้ง พร้อมได้รับการเปิดใจจากทั้ง “พ่อและแม่” ของนางเอกสาวว่า จนถึงตอนนี้ทางครอบคัวยังไม่สามารถติดต่อกับลูกได้ 


.

โดยคุณแม่มุกดา เผยว่าทางลูกสาวคนกลางอย่าง “แจกัน”  ได้พยายามที่จะติดต่อกับ “กุญแจซอล” ด้วยการไลน์ไปหา ซึ่งฝั่งกุญแจซอลได้มีการเปิดอ่านข้อความในไลน์ แต่ไม่มีการตอบกลับ ขณะนี้ทางครอบครัวทราบแต่เพียงว่าลูกสาวใกล้คลอดแล้ว และเดาว่าน่าจะได้หลานเป็น “ผู้ชาย” เพราะสังเกตุจากในไอจีของลูกสาวที่มีการขึ้นรูปตุ๊กตาหมีผู้ชาย  

.


“ถามว่าลูกสาวใกล้คลอดแล้วเป็นห่วงมั้ย เป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อแม่ต้องเป็นห่วงลูกอยู่แล้ว เพราะซอลจะเป็นคนขี้กลัว เขาจะกลัวเลือด กลัวเข็ม กลัวน็อต เรากลัวว่าเขาจะต้องไปคลอดลูกเองแบบธรรมชาติ เพราะตัวแม่ลูกสาว 3 คนแม่ผ่าคลอดทั้งหมด แม่เคยปวดท้องคลอด มันรู้สึกทรมาณมาก”

.

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ครอบครัวยังคิดที่จะตามหาลูกสาวอยู่หรือไม่ ทางคุณพ่อนึกคิดตอบว่า ผ่านมาจนถึง 8 เดือน ตนคิดว่ามันเลยจุดนั้นมาแล้ว ช่วงแรกครอบครัวเครียดและเป็นห่วงลูกมาก ถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ ซึ่งต่อให้จะหาตัวลูกสาวเจอ แต่ตนเชื่อว่าคงจะย้ายที่อยู่หนีไปอยู่ดี เพราะตัวลูกสาวกับแฟนหนุ่ม ไม่ได้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในกรุงเทพฯ ส่วนทางพ่อแม่ของฝ่ายชาย ทางครอบครัวเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาเป็น 100 ครั้ง แต่คำพูดเดียวที่ได้รับกลับมาคือ “เกิดอะไรขึ้น”  

.

“เขาทำเหมือนไม่รับรู้เรื่องราว ทางครอบครัวผู้ชายเขาบอกว่าพ่อแม่ไม่ทราบ ทั้งๆ ที่ทางครอบครัวนั้นเขารู้เรื่องตั้งแต่ต้นเลย ถามว่าจะเอาผิดทางกฏหมายได้หรือไม่ คือต้องบอกอย่างนี้ว่า เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับหลายครอบครัว แต่บังเอิญว่าครอบครัวของผมมีคนรู้จักเยอะ เพราะเป็นคนของประชาชนทำให้เป็นกระแสขึ้นมา” พ่อนึกคิดกล่าว

.

ก่อนที่คุณแม่มุกดาจะเสริมต่อว่า “พอได้ออกข่าวให้สังคมรับรู้ว่าลูกเราไปอยู่กับใคร ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นทางสื่อจะได้รับรู้และช่วยกันสอดส่อง เพราะช่วงหลังๆ อาจจะมีกระแสข่าวเรื่องการชอบทำร้ายร่างกายผู้หญิง ซึ่งแม่เป็นห่วงลูกและคิดมากพอสมควร”

.

จากนั้นคุณแม่มุกดา ยอมรับว่าที่ผ่านมาทางฝ่ายชายทำให้ครอบครัวตายใจคิดว่าเป็นคนดี แต่มาฉุกคิดได้เมื่อตอนที่ไปพูดคุยเรื่องสินสอดกับทางครอบครัวของผู้ชาย ซึ่งตนไม่ได้คิดจะเรียกสินสอดอะไรมากมาย แต่มาติดตรงคำพูดของแม่ฝ่ายชาย ที่บอกว่าบางครอบครัวไม่เอาสินสอดเลย ทำให้ตนรู้สึกจุกอกว่า ทำไมทางครอบครัวผู้ชายถึงไม่ให้เกียรติครอบครัวตน และยังบอกด้วยว่างานหมั้นให้ฝ่ายหญิงจัดการ ส่วนงานแต่งฝ่ายผู้ชายจะจัดการเอง ซึ่งที่ผ่านมาทางครอบครัวเปิดรับฝ่ายชายมาโดยตลอด แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดไปหมด 

.

“น้องยังไม่เคยมีแฟน และเขาคงคิดว่าถ้ามีน้องขึ้นมา ไม่ว่ายังไงพ่อแม่คงต้องให้อภัยเขา แต่ว่าเราไม่รู้ว่าทางผู้ชายไปขู่ลูกสาวเราหรือเปล่าว่า ถ้ามาเจอพ่อแม่แล้วจะเป็นยังไง เพราะผู้ชายไม่ให้น้องทำงานเลย ไม่ให้คุยกับใครทั้งสิ้นเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้สังคมมันเปิดแล้วนะ ต่อให้ตั้งท้องก็ยังทำงานได้ เรายังงงอยู่เลยว่าทำไมผู้ชายไม่ยอมให้ลูกสาวเราทำงาน ที่สำคัญคือไม่ให้คุยกับครอบครัวและเพื่อนฝูงเลย” คุณแม่มุกดากล่าว

.

พร้อมกับการที่คุณแม่มุกดากับคุณพ่อนึกคิดยืนยันว่า หากลูกสาวคลอดหลานแล้ว คงจะให้เลี้ยงกันเอาเอง เพราะทางลูกสาวและแฟนหนุ่ม น่าจะไม่อยากให้ทางครอบครัวเข้าไปยุ่ง รวมถึงการจะอุ้มหลานมาขอขมา ที่คุณพ่อนึกคิดย้ำว่า คงต้องแล้วแต่ว่าทั้งสองคนจะสำนึกได้เมื่อไหร่ และเชื่อว่าถ้าฝั่งลูกสาวมีผู้ใหญ่ที่ดีคอยแนะนำ  สุดท้ายน่าจะคิดได้

.

ด้านคุณแม่มุกด่า ตอบคำถามต่อว่า การที่ลูกสาวทำอย่างนี้ ในส่วนลึกมีความรู้สึกโกรธหรือไม่ คุณแม่นางเอกสาว ยืนยันว่า รู้สึกโกรธเหมือนกัน  “ถามว่ารู้สึกโกรธมั้ย เป็นธรรมดานะ ต้องมีรู้สึกแบบนี้บ้าง แต่เราปล่อยวาง เพราะเรายังมีลูกอีก 2 คน ที่เราต้องดูแล”

.

ส่วนคุณพ่อนึกคิดเสริมต่อว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คงเป็นเวรเป็นกรรมด้วยนะ ผมว่าทุกคนต้องมีกรรม ต้องมีความทุกข์ แต่ความทุกข์ของคนเราคงไม่เหมือนกัน ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นในวันก่อนที่เขาจะกำลังจะหมั้น และจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมต้องชิงหนีกันไปก่อน และทำไมไม่ส่งข่าวบอกครอบครัว”

.

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าอยากจะทิ้งท้ายอะไรฝากถึงลูกสาวหรือไม่ คุณแม่มุกดากล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกเฉยๆ อยากให้ฝ่ายลูกสาวกับสามีเป็นคนออกมาพูดเองมากกว่า 

“แม่อยากให้เขาออกมาพูดกันเองมากกว่า ว่ายังอยากจะเจอพ่อแม่มั้ย อยากจะมาเผาศพพ่อกับแม่มั้ย เขาใจร้ายกับเราเกินไป และถ้าเขากลับมาแล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งเขาไม่พอใจเรา แล้วมาทำอย่างนี้อีกล่ะ ถามว่าผิดหวังมั้ย  ผิดหวังมากค่ะ  ส่วนลูกสาวอีก 2 คนเป็นเด็กดี ต่อไปเราก็คงดูคนที่จะเข้ามาหาลูกเราให้ดีกว่านี้”  

.

คุณพ่อนึกคิดกล่าวทิ้งท้ายว่า  “จะให้อภัยหรือไม่นั้น เดี๋ยวค่อยมาคุยกันครับ ถ้าผมตอบว่าพร้อมให้อภัย แต่ถ้าทางเขาเกิดไม่พร้อมมาขอขมา หรือเข้ามาแล้วมาดุผมอีก ผมก็เสียสิ ผมจะไม่พูดอะไรในสิ่งที่ผมยังไม่เห็นกับตา แต่ตอนนี้สภาพจิตใจของผมแข็งแรงดี สนุกกับการทำงานเพื่อให้ลืมๆ ไป แต่ถ้าไม่ได้ทำงานอาจจะมีแว้บๆ ที่ไปคิดถึงบ้างเป็นช่วงๆ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน 

เข้าชม 88 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม