จากกรณีนายห้างประจักษ์ชัย ไหทองคำ ยินยอมให้พิธีกรชื่อดง หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยหนังสือสัญญาระหว่าง โม แฟนสาวของ บอส เอวหวาน กับ บริษัท ไหทองคำ เรคคอร์ด เรื่องยุติข้อพิพาท ปัญญาของโมและศิลปินค่ายไหทองคำฯ โดยมีข้อตกลงเขียนว่า “บันทึกข้อตกลงยุติปัญหาและข้อพิพาทต่าง ๆ ระหว่าง “โม” ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้รับสัญญา” กับ บริษัท ไหทองคำ เรคคอร์ด” ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้ให้สัญญา” เรื่องยุติข้อพิพาท ปัญญาของ “โม” และศิลปิน ค่ายไหทองคำฯ โดย “ไหทองคำฯ ได้ชดเชยเงิน 2 ล้านให้ “โม” เป็นค่าเสียใจ – เสียเวลา โดยมีข้อตกลงว่าผู้รับสัญญายินยอมยุติข้อพิพาทกับศิลปินค่ายไหทองคำ ยินยอมและยินดีลบภาพที่ไม่เหมาะสม ข้อความโพสต์ คอมเมนต์เป็นลักษณะหมิ่นประมาท และส่อเสียดไปถึงศิลปินและไหทองคำอันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและความนิยมในตัวศิลปินนับจากวันที่ลงนามสัญญาฉบับนี้ทางผู้รับสัญญา
ตกลงกับผู้ให้สัญญาว่าจะไม่โพสต์ ไม่กล่าวถึงศิลปินค่าย ในเชิงให้เสียหายกับชื่อเสียงไม่ว่าจะทางวาจาหรือทางโพสต์ต่าง ๆ ข้อตกลงของการละเมิดสัญญา หากผู้รับสัญญากระทำการอันหนึ่งอันใด ผู้รับสัญญา ยินยอมให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทางแพ่ง อาญา และปรับเงิน 20 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีการเซ็นสัญญากัน ระหว่าง แอน เมียนายห้าง / บอส เอวหวาน / โม และพี่ชายของโม แต่เรื่องไม่จบ เพราะภาพ และคลิป และข้อมูลการคบกันของ “ลำไย” และ บอส” โผล่ตามโซเชียล หมายความว่ามีคนปล่อยข้อมูลละเมิดสัญญา
ซึ่ง “โม” แฟนสาวของ บอส เอวหวาน ยืนยันระหว่างโฟนอินในรายการว่าไม่ได้ปล่อยคลิป ไม่ได้ข้อมูลเพจต่าง ๆ ตอนแรกไม่ยอมรับว่าเรียกเงิน 10 ล้าน จนมีการถกเถียงกับ “บอส เอวหวาน” ในรายการ ก่อนที่ โม จะบอกว่าพูดไปด้วยความโมโห จากนั้นบอสได้แฉโมว่าเคยบอกว่าเรารับเงินค่าเสียหายมาก่อน แล้วค่อยไปแฉลำไยโดยไม่ต้องเลิกกัน แต่บอสไม่ยอมทำตาม ตรงนี้โมโต้กลับว่า “ไม่เคยพูด” แต่บอสยังไม่หยุดแฉอีกว่าโมเป็นคนส่งคลิปไปให้ “แม่บอส” และญาติ ๆ ตอนแรก “โม” ไม่ยอมรับ แต่ภายหลังบอกว่าส่งคลิปให้ดู เพราะแม่บอสไม่เชื่อว่าบอสทำอะไร เลยต้องส่งคลิปไป ซึ่งเกิดขึ้นก่อนคุยเรื่องเงิน 2 ล้าน
ขณะที่นายห้างประจักษ์ชัย เปิดใจแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนว่าโมละเมิดสัญญาชัดเจน ที่ระบุว่า จะไม่มีการพาดพิงถึงตัวศิลปิน หรือโพสต์อะไรที่เป็นในเชิงเสียหมิ่นประมาทให้กับฝ่ายศิลปิน ลำไย ไหทองคำ รวมถึงค่ายเพลงได้รับความเสียหายถือว่าผิดสัญญาชัดเจนจะต้องยินยอมพร้อมที่จะเสียค่าปรับ 20 ล้านบาท
ต่อมา ทนายแก้ว มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ให้ข้อมูลข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยประเด็นแรกเป็นประเด็นเรื่องสัญญา MOU ที่ทางนายห้างประจักษ์ชัย ให้ภรรยาลงนามแทนและให้เงินจำนวน 2 ล้านบาทไป มีเงื่อนไขในส่วนที่ว่าห้ามไม่ให้ “โม” ไปโพสต์รูปภาพหรือคลิปต่าง ๆ รวมถึงให้ภาพหรือข้อความเชิงหมิ่นศิลปินและค่าย ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวต่อกัน แต่หลังจากที่รับเงินไปแล้ว นางห้างบอกก็มีบางคลิป บางภาพหลุดออกมา นายห้างเลยเตรียมทีมกฏหมายเรียกค่าเสียหายในส่วนที่ผิดสัญญา และประเด็นที่สองการให้เงินสองล้านบาทมีเงื่อนไขเท่าที่ฟังการให้เงินคือแลกกับการไม่ต้องเปิดเผยความลับบางอย่าง มันก็เข้าข้อกฏหมายในการรีดเอาทรัพย์ ในกรณีที่บุคคลใดก็ตามไปข่มขู่ว่าจะเปิดเผยความลับแล้วเงื่อนไข คือได้เงินทองไปมันมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี เป็นเรื่องของตัวลำไยและนายห้างเองว่าจะดำเนินคดีในส่วนนี้หรือไม่ มันจะแยกเป็นคนละเรื่อง ถ้าพูดตามสัญญานายห้างสามารถฟ้องได้ โมปฏิเสธว่าไม่ได้โพสต์ แต่ก็มีหลักฐานหรือคลิปต่าง ๆ หลุดออกมาจากโซเชียล ต้องมาถามว่าใครคนนั้นที่ปล่อยออกมา ซึ่งมีสัญญาระหว่างโมกับนายห้าง เมื่อหลุดออกไปแล้วส่งผลกระทบต่อศิลปินในค่ายนายห้างก็มีสิทธิ์ฟ้อง ตัวบอสเองคิดว่าไม่น่าจะหลุดจากคนอื่น เพราะโมเป็นคนที่รู้หลาย ๆ เรื่องราว รวมถึงเรื่องสเตจเมนต์ต่าง ๆ ด้วย
ส่วนเรื่อง ตบทรัพย์ เป็นภาษากฏหมายแต่ความจริงแล้วจะเข้าความผิดรีดเอาทรัพย์หรือเปล่าต้องไปดูอีกที เพราะเป็นเรื่องของบอสและโมพูดคุยกันสองคนว่ายอมจ่ายแล้วจะได้อะไรมาตอบแทน ก็ต้องอีกสเตปหนึ่ง ที่นายห้างจะฟ้องคือในส่วนของโมที่ละเมิดผิดข้อสัญญา เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท สัญญาก็คือสัญญาไม่ได้กระทำโดยการถูกบังคับ ถ้าโมผิดจริงต้องชดใช้ ต่อให้ลบโพสต์ต่าง ๆ แล้วก็ผิดอยู่ดี เพราะความผิดมันสำเร็จไปแล้ว
ส่วนประเด็นที่โมบอกว่าโดนขู่ให้เซ็นสัญญา ถ้าตามที่ทนายฟังมันคือการพูดคุยกัน ทั้งสองฝ่ายไปเจรจาพูดคุยกัน ถ้าฟังจากที่โมโทรเข้ามาในรายการ ก่อนจะเซ็นก็ต้องมีการตกลงกันแล้วมากกว่า ในแง่ของกฎหมายเองนายห้างก็สามารถทำได้ คือการตกลงจ่ายเงินให้เก็บความลับหรือหลักฐานต่าง ๆ มันคือการตกลงกัน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
