เธอคนนี้มาวินตลอด "อั้ม พัชราภา" กับผลงานพลิกบทบาทเมื่อปี 2544 กับบทอีเปีย ในละครสุดแซ่บ “คมพยาบาท” ที่อั้มพลิกคาแร็คเตอร์จากบทนางเอก มาเป็นนางร้าย ที่ร้ายสุดๆ จนช่วงนั้นเดินตลาดแทบไม่ได้ เพราะแม่ค้าอยากประเคนเปลือกทุเรียนเป็นรางวัล ละครเรื่องนั้นของเธอจึงกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่คนไทย 13.36% กระจายทุกเพศ วัย การศึกษา อาชีพ และรายได้ จดจำได้เป็นอย่างดีมาจนถึงทุกวันนี้
ตามด้วยอดีตนางเอกเบอร์หนึ่งวิกหมอชิต กบ สุวนันท์ ที่เข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 14 ปีกับละครจักรๆ วงศ์ๆ และอีกหลายเรื่องรวมทั้งเรื่อง ผยอง ที่จับคู่แจ้งเกิดกับพระเอกคู่จิ้นแห่งยุค ศรราม เทพพิทักษ์ แต่ทุกเรื่องก็ไม่เปรี้ยงและเป็นตำนานเท่า “ดาวพระศุกร์” ที่ออกออกอากาศเมื่อปี 2537 ถึงวันนี้ก็ผ่านมา 22 ปีแล้ว แต่แฟนๆ 5.52% ของทั้งประเทศก็ยังจำได้ไม่ลืม
ถัดมากับ ใหม่ ดาวิกา เล่นละครวิกหมอชิตมา 5-6 เรื่อง ซึ่ง 2 เรื่องในนั้นคือ ดอกแก้ว กับ ตะวันทอแสง เป็นการย้อนรอยเล่นละครรีเมคที่นางเอกรุ่นพี่ กบ สุวนันท์ เคยแสดงไว้มาก่อน แต่ก็ยังไม่เปรี้ยงเท่ากับตอนเล่นหนัง “พี่มากพระโขนง” ที่เป็นการพลิกตำนานรักแม่นาคพ่อมากในมุมมองใหม่ บวกกับความตลกหน้าแบ๊ว แสนซื่อจริงใจของพระเอกสุดหล่อ มาริโอ้ และความฮาของก๊วนเพื่อนพี่มาก ก็ทำให้หนังโกยรายได้ทะลุพันล้านเป็นเรื่องแรกในประวัติศาสตร์หนังไทย และพลอยทำให้สาวใหม่ได้ชื่อว่านางเอกพันล้านไปโดยปริยาย คนไทย 4.24% ชอบมาก
และแน่อนว่าละครพลิกชีวิตที่ทำให้ ชมพู่ อารยา กระโดดขึ้นทำเนียบนักแสดงมากฝีมือทันทีที่ออกอากาศก็คือบทสาวร้ายร้อนรัก “เรยา” จากเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ในปี หลังจากคร่ำหวอดเล่นละครวิกหมอชิตมาไม่ต่ำกว่า 24 เรื่องภายในระยะเวลา 10 ปี แต่ส่วนใหญ่เป็นละครกุ๊กกิ๊กคอเมดี้ พอย้ายมาซบวิก 3 ช่วง 2 ปีแรกก็มีละครให้โชว์ฝีมือเบาๆ 4 เรื่อง ก่อนจะจัดเต็มร้ายสุดพลังใน “ดอกส้มสีทอง” จนบรรดาเมียหลวงอยากจะจับมือกับแม่ค้ารุมตบทันทีที่เห็นหน้า จึงไม่แปลกที่คนไทย 3.76% จำผลงานเรื่องนี้ของเธอได้ติดตาติดใจ