ฟิล์ม รัฐภูมิ แจ้งความกลับยื่นฟ้อง หนุ่ม กรรชัย–อี้ แทนคุณ แอบอ้างทำเสื่อเสียชื่อเสียง-สร้างความเกลียดชัง ส่ายหัวเป็นพี่-น้องที่รักกันไม่ได้อีกแล้ว

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (31 ม.ค. 2568) “ฟิล์ม รัฐภูมิ” พร้อมด้วย “ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช” ทนายความ เดินทางมาที่ สน. ห้วยขวาง แจ้งความยื่นฟ้อง “หนุ่ม กรรชัย” – “อี้ แทนคุณ” แอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง สร้างความเกลียดชัง โดย ฟิล์มและทนาย ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนพบเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้แจ้งความกลับ หนุ่ม กรรชัย 3-4 กรรม ส่วน อี้ แทนคุณ 8 กรรม


ทนาย : วันนี้ผมพาน้องฟิล์มมาใช้สิทธิตามกฎหมายสำหรับคนที่เอาเรื่องที่ไม่จริง เอาเรื่องที่เป็นความเท็จ แล้วก็มาสร้างกระแสให้คนเกลียดชังคุณฟิล์ม เหลือเชื่อจริง ๆ ครับ สร้างกระแสจนกระทั่งคนไม่รู้จัก ฟิล์ม เกลียด ฟิล์ม ได้ เพราะฉะนั้นมันคงเป็นการใช้สิทธิ คือการใช้สิทธิลักษณะแบบนี้ ใช้สิทธิ์ในการพูดในการกล่าวหาต่าง ๆ มันไม่สุจริต อ้างว่ามีพยานหลักฐาน อ้างว่ามีผู้เสียหาย ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะว่าเรื่องมันมีอยู่อย่างไรมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะคดีที่ ตรัง คดีนี้คุณ อี้ แทนคุณ ออกมาแถลงข่าว ออกมาตีข่าวกี่ครั้งกี่หน หลายครั้งหลายหนไม่รู้ต่างกรรมต่างวาระหลายกรรมมาก กล่าวหาว่า พอเกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่อง 20 ล้าน ของดิไอคอน ซึ่งถ้าหากพี่น้องสื่อมวลชน กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศไปฟังคลิปเสียงให้ดี ๆ นะครับอย่างเป็นกลางที่สุด ไม่มีข้อความตอนใดที่คุณฟิล์มไปกล่าวหาคุณหนุ่ม และไม่มีข้อความตอนใดที่คุณฟิล์มขู่กรรโชกทรัพย์จากบริษัทดิไอคอน งั้นเรื่องที่คุณฟิล์มนำเสนอเรื่องราวของเขาที่เขาจะดำเนินการ ส่วนเรื่องงบประมาณก็เป็นเรื่องต่างหาก ในวันเดียวกันที่พาคุณฟิล์มไปที่กรองปราบ คุณอี้ก็แถลงข่าวอีก มาสร้างกระแสอีก และวันนี้เราจะมาดำเนินคดีกับคุณอี้ แทนคุณ คนที่หนึ่ง คนที่สองคือคนที่เอาคลิปเสียงไปเปิด เป็นคลิปเสียงที่ทางดิไอคอนอัดเสียงสนทนาระหว่างบอสปันกับคุณกิตณรงค์ เสร็จแล้วก็มาต่อสายที่คุณฟิล์มที่กำลังไปต่างประเทศ ปรากฏว่าเอามาเผยแพร่จนสร้างความเสียหายให้กับคุณฟิล์ม นี่เขาเรียกหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ไม่พอยังออกในข่าวกลางวัน พอเปิดคลิปเสียงม่บอกว่าชื่อใครยังไง ผมบอกได้เลยว่าพวกคุณเนี่ย จัญไร เป็นการกล่าวใส่ความกล่าวหาอย่างรุนแรง

ซึ่งวันนี้จะแจ้งความกลับ 2 คนก่อน?

ทนาย : 2 คนก่อน ส่วนคนอื่นที่กล่าวใส่ความเดี๋ยวจะคิวต่อไปอีกทีนึง แต่ตัวหลัก ๆ ก็ คุณอี้ แทนคุณ ก่อน ตอนนี้ต่ำ ๆ ก็มี 8 กรรม พอ 8 กรรมก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังมีการปล่อยคลิปเสียงของ คุณฟิล์ม หลังจากที่ คุณฟิล์ม ไปออกรายการที่ช่อง 8 มันก็จะไล่มาเลยวันต่อวันวันต่อวัน โดยเนื้อหนัก ๆ ก็บอกว่า ฟิล์มไม่ใช่แค่ตบทรัพย์ 20 ล้าน แต่ยังหลอกให้ลงทุนอีก 60 ล้าน แล้วก็เป็นคนไปรับเงินเขา แล้วก็มีผู้เสียหายมารออยู่แล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับ คุณฟิล์ม มาก คนไม่รู้ก็เกลียดชัง คุณฟิล์ม หาว่าไปตบทรัพย์ดูให้ดี ๆ นะครับ ไปฟังให้ดี ๆ คิดด้วยใจเป็นกลางไม่มีความใดที่บอกว่าเป็นการตบทรัพย์เลย แล้วเรื่องของจังหวัดตรัง 60 ล้าน ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ คุณฟิล์ม เลย


ตอนนี้ตัดสินใจที่จะแจ้งความเพราะไม่ไหว?

ฟิล์ม : คือจริง ๆ ที่บอกตั้งแต่ไปออกรายการ อ.ยิ่งศักดิ์ ว่าผมไม่ได้อยากทำอะไรใครเลย ผมก็ชอบความสงบ ก็อยู่อย่างสงบ ๆ แต่พอดีว่าผมก็มาปรึกษาอาจารย์ อาจารย์ก็ดูทุกอย่างให้ พอดีอาจารย์ก็บอกว่ามันเกินงามละ เพราะปกติผมพูดวันเดียวละก็ไม่ออกเลย ก็ได้ปรึกษา อ.ประมาณ อยู่หลังบ้านอย่างเดียว แต่ อ.ประมาณ เห็นว่าตอนนี้ หลาย ๆ คนออกมามั่วกันเยอะละ ละก็ออกมาเกินงาม คนด่าถึงบุพพการีว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน บางคนด่าผมไม่มีครูบาอาจารย์ บางคนก็ด่าผมว่าผมเป็นนักตบทรัพย์เอาวาทกรรมแปลก ๆ มายื่นให้กับตัวผม ใช้สื่อมวลชนในทางที่ผิด เอาความรักความเคารพที่ประชาชนมีให้ไปใช้ในสิ่งที่ผิด ไปตั้งกลุ่มตั้งแก๊งไปรวมตัวกันมากล่าวโทษว่าผมเป็นคนไม่ดีในสังคม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดูความจริงอะไรเลย ทำตัวเป็นศาลเตี้ย ทำตัวเป็นผู้มีอำนาจ มาบ่งชี้ต่าง ๆ นานา ให้สังคมคล้อยตาม จริง ๆ แล้วผมมองว่าวันนี้ผมก็ไม่ได้อยากอะไร แต่อาจารย์แกบอกว่าถึงเวลาแล้วแหละ คือปล่อยให้สังคมดำเนินไปแบบนี้ไม่ได้ เราอยากอยู่ในสังคมที่น่าอยู่ แล้วอยากอยู่ในสังคมที่เคารพในกฎหมายเดียวกัน แล้วพวกผมยืนยันตลอดเลยว่า ผมนั้นเคารพกฎหมายเป็นที่ตั้ง แล้วเราก็เคารพเพราะกฎหมายบ้านเราศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เราไม่เคยไม่เคารพเลย แต่ก็มีโยนวาทกรรมแปลก ๆ มีสร้างวาทกรรมแปลก ๆ บอกว่าผมไม่เคารพกฎหมาย ผมเป็นคนที่ท้าทายต่าง ๆ เพื่อยึดเครดิตผมต่าง ๆ นา ๆ พอมีแฟนคลับผมไปโพสต์ช่วยผม ก็ไปปล่อยข่าวไปพูดว่า ใครห่วงมึง ใครรักมึง หรือไปปล่อยข่าวในเชิงอื่น ๆ จากเพจต่าง ๆ ว่าผมพรากผู้เยาว์บ้างอะไรบ้าง เพื่อที่ยึดเครดิต เขาใช้เทคนิคในการเป็นสื่อเนี่ยยึดเครดิตคน ๆ นึงไปหมดเลย ผมมีแฟนคลับผู้หญิงเยอะ เขาก็ไปโพสต์ให้ว่าไม่จริงบ้างอะไรบ้าง พี่ฟิล์มเป็นคนดีแบบนั้นแบบนี้ ก็ไปปล่อยข่าวว่าผมพรากผู้เยาว์ ตอนนี้แฟนคลับก็เกลียดชังผมไปอีก ทุกคนเกลียดชังผมอีก มันมีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ผมโดนมา

ทนาย : เกิดปัญหาคนที่ไม่รู้จักฟิล์ม คอยเกลียดฟิล์มไปค่อนประเทศ คนที่รู้จักเนี่ยมันไม่ถึง เศษ 1 ส่วนร้อยของทั้งประเทศหรอก เพราะมีคนบางคนทำลายชื่อเสียงของคนอื่น เพื่อที่จะไปยืนตรงนั้น หาแสงให้กับตัวเอง วันนี้ต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายครับ

หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มีการพูดคุยกับคู่กรณีบ้างหรือยัง?

ฟิล์ม : ตัวผมเองไม่เลยครับ เพราะแล้วแต่อาจารย์ประมาณเลย แต่ว่าทางคู่กรณีก็ส่งคนมาขอโทษผมเต็มไปหมด แต่ผมก็บอกแล้วแต่อาจารย์ประมาณ แล้วอาจารญืก็วิเคราะห์แล้วเลยมาเป็นวันนี้ครับ


ฟิล์ม : จะบอกว่าในการที่เขาเอาไปทำข่าวต่าง ๆ เป็นหลักฐานเท็จหมดเลยหรอครับ?

ฟิล์ม : จริง ๆ ต้องบอกว่ามันเท็จหมดมันก็เท็จหมด คือเพราะเราก็มีหลักฐานของเรา

ทนาย : คืออย่างคดีที่ตรัง การสอบสวนมีอยู่อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้เพียงแค่มาร้องทุกข์ตามกฎหมายที่นี่นะครับ เดี๋ยวก็จะนำเรื่องไปฟ้องที่ศาลเลย แล้วให้ศาลออกเรียกเอง สารทั้งหมดในคดี เพราะตอนนี้คดียังมีการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างที่เกี่ยวข้องคนอื่น แต่ถ้าอำนาจศาล ศาลสามารถที่จะเรียกแล้วตรวจสอบได้หมดเลย ฉะนั้นข้อเท็จจริงมีอยู่อย่างไร พยานหลักฐานมีอยู่อย่างไร เป็นอย่างนั้นแน่นอน มันชัดเจนครับ

อย่างวันนี้จะเป็นในทิศทางไหน การยื่นศาล ขั้นตอน?

ทนาย : ขั้นตอนวันนี้ เป็นการร้องทุกข์ก่อน ร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดี พอร้องทุกข์ดำเนินคดีเสร็จ พนักงานสอบสวนก็จะสอบสวนว่าคดีมีมูลหรือเปล่า พอคดีมีมูลก็จะออกหมายเรียกผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหา ก็เข้าสู่กระบวนการพิมพ์ลายนิ้วมือ การสอบสวนของส่วนผู้ต้องหาว่าจะอ้างพยานหลักฐานอะไร แล้วก็ทำความเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งฟ้องไหม อย่างกรณีคดีตังค์ 60 ล้าน พนักงานสอบสวนก็จะสอบสวนเสร็จเรียบร้อย เขาไม่แจ้งข้อหาคุณฟิล์มนะ เขาสั่งยุติการสอบสวน ยุติการดำเนินคดีเลยนะครับตามกฎหมายเลยว่าสิทธิในการดำเนินคดีอาญามาฟ้องมันระงับไปแล้ว ก็สั่งยุติ การรายงานก็เห็นชอบไปถึงภาค 9 ภาค 9 ก็เห็นชอบด้วย ยุติหมด อันนี้ก็เหมือนกัน ก็ทำความเห็นว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ถ้าพยานหลักฐานไม่เพียงพอก็จะสั่งไม่ฟ้อง ถ้าพยานหลักฐานเพียงพอก็จะสั่งฟ้อง ถ้าสิทธิในการดำเนินคดีอาญามาฟ้องมันระงับไปแล้ว เขาก็สั่งยุติการสอบสวน ยุติการดำเนินคดี แต่ทั้งหมดนี้พยานหลักฐานผมว่าชัดเจนพอ ข้อความที่ให้สัมภาษณ์ ข้อความต่าง ๆ ที่ชี้นำทางสังคมเพียงพอว่าหมิ่นประมาทคุณฟิล์มแน่นอน โดยการโฆษณา

มั่นใจในพยานหลักฐานที่ตนเองมีอยู่ ณ ตอนนี้ไหม?

ทนาย : มั่นใจ ๆ พยานหลักฐานทุกคนก็มีอยู่ในมือ

ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไหม?

ทนาย : เอาให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว

ถ้าเขามาขอเจรจา?

ทนาย : ไม่เอา ๆ

ฟิล์ม : มาขอเยอะแล้วครับ มาขอหลายคนแล้ว

แล้วถ้าจะเป็นเจ้าตัวเลย?

ฟิล์ม : คือเขาคงไม่กล้าครับ เพราะผมมองว่าการกระทำแบบนี้มันไม่แมนนะ คือคุณมาหิวแสง พอคุณได้แสงไปแล้วก็ส่งคนมาขอโทษผม ผมว่ามันไม่แมนนะครับแล้วผมก็ไม่ชอบแบบนี้

ทนาย : คือทำลายชื่อเสียงคนอื่นก่อน เพื่อตนเองจะไปยืนอยู่ตรงนั้น

ฟิล์ม : แล้วผมก็มีหลักฐานหมดนะ ผมเก็บหลักฐานหมดที่คนมาขอโทษผมก็เก็บไว้หมด เพราะว่าเมื่อก่อนไม่เคยเก็บอะไรพวกนี้นะ แต่ตอนนี้ก็ต้องเอามาปกป้องตัวเอง แล้วอย่างที่ทุกท่านถามกันมาว่ามีพยานหลักฐานไหม ก็บอกว่ามีครบ แล้วที่ผมบอกว่า ค่อนข้างที่จะเป็นสื่อกับสิ่งที่ผมเจอ ครั้งนี้มันหนักที่สุดเลย เพราะคนที่ผมเจอแต่ละคนเป็นสื่อ ต้องใช้คำว่าเป็นสื่อ เพราะว่าเขาใช้เทคนิคโดยการไปหาว่าผมมีรูปอยู่กะคนนี้ แล้วก็ไปอ้างว่าผมเป็นอย่างนั้น ผมมีรูปอยู่ตรงบริษัทนี้ ก็ไปหาว่าผมโกงบริษัทนี้ พอผมไปมีรูปอยู่ตรงบริษัทนี้ ก็ไปหาว่าผมโกงเขาอย่างนี้ แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ เขาไม่ได้ศึกษาว่าผมมีกี่ธุรกิจ ผมเป็นเจ้าของ 10 กว่าธุรกิจ ผมเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ แล้วทำไมผมจะไปรับทัวร์ไม่ได้ ผมเป็นเจ้าของบริษัท PR เป็นเจ้าของบริษัท Marketing ต่าง ๆ คือเขาไม่ได้มองว่าผมทำอะไร แต่เขาเห็นว่าพอผมไปอยู่กับบริษัทนี้ พอบริษัทนี้มีเรื่อง อ้าวผมต้องเป็นคนโกง เพราะว่ายึดเครดิตผมทุกด้าน เพื่อให้ตัวเขาเนี่ยรู้สึกว่ามาพูดกับคนที่ไม่ดีนะ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ถูกต้องครับแบบนี้

คำขอโทษของสื่อ พอจะเปิดสั้น ๆ บางช่วงได้ไหมครับ?

ฟิล์ม : ยังดีกว่าครับ ผมส่งให้อาจารย์หมดแล้ว คงไปว่ากันตามกฎหมายดีกว่าครับ

ทนาย : ก่อนที่เราจะมากันถึงวันนี้ พวกเราหารือกันหลายรอบ แล้วก็พินิจพิจารณาหลายครั้งว่าอย่างนี้มันใช้สิทธิ์เกินกว่าเหตุ เกินความจำเป็นมาก แล้วก็ทำลายชื่อเสียงคนอื่น แต่เพื่อตนเองไปยืนอยู่ตรงนั้น ผมก็แปลกใจครับว่าคำพูดคนทั้งประเทศเกลียดฟิล์มได้ แล้วอย่างคลิปเสียงออกมาเปิดก็ไม่มีตอนไหนว่าเขาจะไปตกทรัพย์ หรือเขาจะไปด่าคุณหนุ่ม เขาไปพูดจนกระทั่งกลายเป็นคนตกทรัพย์ กลายเป็นหมิ่นประมาท กลายเป็นกรรโชกทรัพย์ ผมก็เหลือเชื่อจริง ๆ ครับว่าการชี้นำสังคมไปไกลถึงขนาดนั้น งั้นก็ไปพิสูจน์กันในศาลเลยดีกว่า

วันนี้ที่มายื่นทาง สน. เนี่ย สรุปแล้วทั้งหมดกี่คนครับที่จะมาแจ้ง?

ทนาย : วันนี้ผู้ที่จะถูกกล่าวหามี 2 คน มีอี้ แทนคุณ กับ คุณหนุ่ม กรรชัย ครับ

จากทั้งหมดกี่คนครับที่เราเตรียมจะฟ้อง?

ฟิล์ม : เยอะมากครับ

ทนาย : กำลังเตรียมพิจารณาอยู่

คุณอี้ กับ คุณหนุ่ม ข้อหาเดียวกันไหมครับ?

ทนาย : คนละกรรม ต่างกรรมกัน ต่างการกระทำ

เป็นฟ้องรายบุคคลไหมครับ หรือว่าฟ้องสื่อ?

ทนาย : ไม่ได้ฟ้องช่องครับ เดิมทีถ้าพูดถึงในข้อกฎหมายโดยหลักการ มันพาดพิงไปถึงเจ้าของรายการ พาดพิงไปถึงบก. พาดพิงไปถึงช่อง

ของอี้ 8 กรรม แล้วคุณหนุ่มกี่กรรม?

ทนาย : ก็ลดหลั่นลงมาหน่อย (หัวเราะ) ไม่น้อยกว่า 2 กรรมหรอกครับ

ทางคุณหนุ่มฟ้องในนามบุคคล หรือฟ้องในนามองค์กรครับ?

ทนาย : ฟ้องคุณหนุ่ม ฟ้องบุคคลครับ ไม่ได้ฟ้ององค์กรเขาครับ

สิ่งที่ทำให้พี่ฟิล์มทนไม่ได้ หลังจากก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะไม่ฟ้องคุณหนุ่ม?

ฟิล์ม : อย่างที่ผมบอกเมื่อกี้ครับว่า ผมไม่อยากจะไปทำร้ายใคร คือก็ปรึกษาอาจารย์ ทุก ๆ เรื่องก็โยนไปที่อาจารย์หมด แต่พอหลัง ๆ เห็นว่าเรานิ่งก็พูดกันไม่หยุดแล้วมันเริ่มลามปามไปถึงพ่อแม่ผม สื่อบางช่องไปถึงหน้าบ้าน คือไปหลอกหมู่บ้านว่าจะเข้าห้องน้ำบ้าง ยื่นกล้องไปถ่ายบ้าน ถ่ายพ่อแม่ ผมออกมาตกใจ ผวากันหมด คือโดนอะไรมาเยอะมากก็เลยเล่าให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ก็เลยบอกว่าถ้าเกิดอะไรมันไม่ไหว เดี๋ยวจะจัดการให้

ทนาย : ก็คือใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่ต้องไปด่ากลับ

ฟิล์ม : ต้องบอกว่าวันนี้ที่มา 2 ครับ มันก็เป็นแค่ส่วนเดียวเองนะครับ จริง ๆ แล้วทุกคนครับ ผมบอกแค่นี้ว่าทุกคนที่ออกมามั่วใส่

ถ้าวันนี้พี่ฟิล์มมาแจ้งความ สิ่งที่พี่ฟิล์มพูดไปทางฝั่งคู่กรณีเขาอาจจะมีหลักฐานแล้วออกมาโต้กลับ?

ฟิล์ม : ยินดีเลยครับ

ทนาย : ก็ยินดีครับ พร้อมที่จะดูหลักฐานที่มี ถ้ามีนะครับ ยิ่งคดีที่ตรัง 60 ล้าน ผมว่าพยานหลักฐานเยอะ ผมอยากเห็นจริง ๆ

ในเรื่องของกรณีที่ทางคุณอี้ มีในส่วนข้อไหนไหมครับที่ตำรวจรับข้อมูลแล้วไม่มีการดำเนินคดี หรือไม่มีการสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมไหมครับ เพราะว่าเห็นเงียบ ๆ ไป?

ฟิล์ม : ไม่น่ามีรับสักเรื่องครับ เพราะว่ามั่วหมดเลย

ไม่มีรับแล้วทางตำรวจมีการติดต่อคุณฟิล์มเข้าไปให้ข้อมูลอะไรหรือเปล่าครับ?

ทนาย : ก็เรียกเราไปเป็นพยานไง

ก็ยังไม่มีการเรียกอะไรเพิ่มเติม?

ทนาย : ก็เรียกไปเป็นพยานเสร็จ แล้วสั่งยุติการสอบสวน

แล้วที่เขาติดต่อคุณฟิลม์มาขอโทษ เขาระบุตัวมาเองหรือฝากคนอื่น?

ฟิล์ม : ฝากคนอื่นครับ

เป็นในลักษณะโทรเข้ามา หรือพิมพ์เข้ามา?

ฟิล์ม : ทั้งโทรทั้งพิมพ์กับคนกลางครับ แล้วคนกลางก็สนิทกับผมมาก เขาก็ฝากคนกลางมาคุยกับผม

เขาให้เหตุผลว่าไงว่า วันนั้นที่ไปยื่น เพราะอะไรยังไงได้ข้อมูลผิดหรือว่าอะไร?

ฟิล์ม : เป็นข้อมูลจากที่คนกลางบอกมา เขาก็บอกว่าเขาวิเคราะห์น้อย แล้วก็ดูข้อมูลน้อย เห็นสื่อเล่นผมอยู่เขาก็คล้อยตาม อยากจะมาขอโทษผม พ่อแม่ผม ผมก็บอกว่าขอปรึกษาอาจารย์ก่อนนะครับ ผมไม่ได้อะไร จนวันนี้ผมยังไม่อยากทำอะไรใครเลยครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอาจารย์หมด อาจารย์ดูหมดทุกคลิปที่ผ่านมา ศึกษาหมดทุกคนที่พูด แม้แต่หมอดูที่มาผ่าดวงผมโดนนะครับ บอกแค่นี้

อาจารย์ครับในกรณีคุณอี้ถ้าเวลาเขามาพูดเขาพูดออกหน้าสื่อ แต่ถ้าเวลาเขาขอโทษเขาขอโทษออกหน้าสื่อ อาจารย์จะดำเนินคดีไหม?

ทนาย : จะดำเนินคดีต่อหรือไม่ อยู่ที่เจ้าทุกข์ละ อยู่ที่คุณฟิล์ม ผมแค่เป็นฝ่ายกฎหมายไม่ได้เกี่ยวอะไร

คดีหมิ่นประมาทที่พี่หนุ้มแจ้งมาตอนนี้ถึงไหนแล้ว?

ทนาย : ก็รอ รอจะไปให้การเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนก็บอกใจเย็น ๆ ยังไม่มีการเคลื่อนไหว

มีนัดวันไหน?

ทนาย : พนักงานสอบสวนบอกยังไม่เร่งมาก

ฟิล์ม : เพราะเราเข้าไปให้ข้อมูลทางฝั่งเราหมดแล้ว

ทนาย : เพราะผมพูดไปหมดแล้ว ข้อความตรงนี้มันแปลว่าอะไร หมายความว่ายังไง ให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนหมดแล้ว ถ้าพนักงานสอบสวนต้องการสอบสวนเพิ่มเติม เดิมทีเราเคยนัดไว้แล้ว นัดไว้แล้วเสร็จก็มีการเลื่อน พนักงานสอบสวนขอเลื่อน แล้วเขาเลื่อนไปก่อนเพราะยังมีภารกิจเรื่องอื่นอีกเยอะ เรื่องนี้ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไร

ไม่มีความกังวลใด ๆ?

ฟิล์ม : ไม่มีครับ
ทนาย : ไม่มีไรครับ เรื่องนั้น

ขอตัวเลขคุณหนุ่มว่ามีกี่กรรม?

ทนาย : มีประมาณ 3 – 4 กรรมั้ง ประมาณนี้ กำลังพิจารณาอยู่ ตอนลงประจำวันเดี๋ยวดูว่าอาจจะมีตัดกรรมออกไหม ตอนนี้เตรียมมาประมาณ 5 – 6 กรรม ของคุณอี้เตรียมมา 8 กรรม

ตอนนี้ยังนับพี่หนุ่มเป็นพี่ชายอยู่ไหม?

ฟิล์ม: ยังไม่พูดดีกว่า จะได้แบบว่าเงียบ ๆ ไป

เป็นพี่น้องที่รักกันได้แบบเดิมอยู่ไหม?

ฟิล์ม : ส่ายหัวแทนละกัน

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือน พ.ย. ปี 2567 มีคลิปเสียงที่กลายเป็นข่าวใหญ่ ต่อมา “หนุ่ม กรรชัย” ออกมาเปิดใจในรายการ โหนกระแส เรื่องของการตบทรัพย์ จากนั้น พิธีกรดัง ก็เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราบ
กรณีที่มีคลิปบันทึกเสียงเจรจาระหว่าง “ฟิล์ม” และ “กฤษอนงค์” เรียกรับเงิน จาก บอสปัน ผู้ต้องหาคดีดิไอคอน เป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการพาออกรายการโทรทัศน์

ซึ่งก่อน หนุ่ม กรรชัย จะแจ้งความ ฟิล์ม ได้โทรศัพท์ไปหาถึง 3 ครั้ง เพราะต้องการให้โอกาสพูดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคลิปเสียงดังกล่าว แต่เมื่อ ฟิล์ม ยืนยันว่า คลิปเสียงถูกตัดต่อ ตัวเองจึงตัดสินใจนำหลักฐาน แจ้งความดำเนินคดีกับ ฟิล์ม รัฐภูมิ และ น.ส.กฤษอนงค์ ในข้อหาหมิ่นประมาท .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 344 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม