ถือเป็นประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยที่เหินฟ้าไปสร้างชื่อเสียงไกลระดับโลก กับ “หลานม่า” หนังไทยแนวเมโลดรามา จากค่ายหนัง GDH กำกับโดย “พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์” ที่เพิ่งโดดมากำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ที่ทาง “สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ” คัดเลือกเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยไปชิงรางวัล ออสการ์ ครั้งที่ 97 ในสาขา Best International Feature Film หรือ รางวัลภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม
ซึ่งหนัง “หลานม่า” ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ครอบครัวไทยเชื้อสายจีน ผ่านเรื่องราวของ “อาม่า” ที่ป่วยหนัก กับ “หลานชาย” ที่อาสาเข้ามาดูแล เพื่อหวังจะได้มรดก แต่สุดท้ายความรัก ความผูกพัน ทำลายความโลภจนกลายเป็นคุณค่าความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่ดูง่ายเข้ากับทุกเพศ ทุกวัย ทำให้ภาพยนตร์ “หลานม่า” สร้างประวัติศาสตร์เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ฝ่าด่านหนังต่างประเทศทั่วโลก จำนวน 85 เรื่อง ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 15 เรื่องที่เข้ารอบลุ้นรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 ในปีนี้ และ “หลานม่า” ถือเป็นหนังไทยเรื่องแรก ในรอบ 31 ปี ที่ส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์ ที่เข้าไปลึกถึงรอบ 15 เรื่องสุดท้าย และในปีนี้มีแค่หนัง “หลานม่า” จากประเทศไทย กับ หนัง “From Ground Zezo” จาก ปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์จาก 2 ประเทศจากทวีปเอเชีย ที่เข้าไปลึกถึงรอบ 15 เรื่องสุดท้ายอีกด้วย
แต่แล้วเมื่อค่ำวานนี้ (23 ม.ค. 68) The Academy ได้ประกาศรายชื่อผลงานที่เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม 5 เรื่องสุดท้ายบนเวที “ออสการ์ ครั้งที่ 97” แต่แล้วคอหนังไทยก็ต้องคอตก เพราะหนัง “หลานม่า” ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่ผ่านเข้ารอบ 5 เรื่องสุดท้ายเพื่อลุ้นชิงรางวัลในปีนี้ ล่าสุด เมื่อเช้าวันนี้ สด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ ทางทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนได้ไปสัมภาษณ์ความรู้สึกของ “พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์” ผู้กำกับ และ “ยายแต๋ว อุษา” นักแสดงนำของหนัง “หลานม่า” ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมรับว่าเสียดาย แต่ไม่เสียใจ เพราะได้พาผลงานเรื่องนี้มาได้ไกลขนาดนี้ก็ถือว่าเกินฝันแล้วค่ะ
สำหรับ “พัฒน์” ยอมรับว่า “เสียดาย แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก เพราะเราก็ทำเต็มที่ที่สุด เมื่อวานก็นั่งลุ้นกับทีมงานทุกคน ทุกคนก็ให้กำลังใจร่วมลุ้นไปด้วยกัน เราเห็นทุกคนลุ้นแล้วเราก็มีความสุขมากแล้ว แค่เราเข้ามาได้ในรอบ 15 เรื่องสุดท้าย ก็ถือว่ามาไกลมากแล้ว ที่ผ่านมาเราได้ไปหลายประเทศ ได้ไปฉาย ได้ไปรับรางวัล เราได้เสียงตอบรับจากทุกคนที่ได้ดูหนังเราก็ถือว่าเราทำสำเร็จมากแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ได้ เข้ารอบแต่มันก็ ได้เติมแรงเติมไฟให้กับเราใน การที่จะกำกับหนังเรื่องต่อไป มันทำให้เรารู้แล้วว่าเราจะต้องไปเพิ่มเติมตรงไหนอะไร แต่ละเวทีประกาศรางวัลมันก็ไม่เหมือนกัน คือถ้าถามว่า ถ้าย้อนกลับไปได้อยากปรับแก้ไขตรงไหนในหนังเรื่องหลานม่า
เราก็ว่ามีอีกหลายส่วนที่สามารถปรับให้มันดีขึ้นได้กว่าเดิม แต่จริง ๆ ทุกอย่างมันก็ดีอยู่แล้ว มันไม่ได้มีจุดบอดอะไรเลย การที่เราไปได้ไกลขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นการวางรากฐานให้กับหนังเรื่องต่อไปในปีต่อไปถือเป็นแนวทาง ส่วนที่หลายคนมองว่าเราคือตัวจริงอันนี้เราก็ขอบคุณแต่ก็ไม่อยากให้เอาผลงานของเราไปเปรียบเทียบกับเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมา เพราะทุกเรื่องก็เต็มที่ที่สุด ก็อยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจพวกเราทุกคนหลังจากนี้ก็จะทำผลงานให้ดีที่สุดต่อไป”
ส่วน ยายแต๋ว ก็เผยความรู้สึกว่า “ก็เสียดายที่เราไม่ได้เข้ารอบ 5 เรื่องสุดท้าย เราลุ้นมาก เพราะเราอยากได้รางวัล แต่ถึงไม่ได้เราก็เชื่อว่าเราได้รางวัลจากทุกคนแล้ว เราได้ไปนั่งอยู่ในใจทุกคนแล้ว แค่นี้เราก็รู้สึกดีใจมากแล้ว เพราะมันไม่ใช่แค่คนดูแค่ในประเทศไทยแต่มันไปไกลถึงครึ่งค่อนโลก ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็ยัง มีคนเรียกอาม่าตลอดเราก็ดีใจที่มีคนยังจำได้และไม่ลืมอาม่า ก็อยากขอบคุณทุกคนที่ร่วมลุ้นร่วมเชียร์มากับพวกเรา ถึงอาม่าไม่ได้รางวัลออสการ์ อาม่าก็จะจะมาลุ้นต่อรางวัลที่เมืองไทย”
สำหรับภาพยนตร์ “หลานม่า” สร้างประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งทำรายได้ถล่มทะลายทั่วประเทศ 339 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดของไทยในปี 2567 และสร้างรายได้รวมทั่วโลก 2,059 ล้านบาท และหลังจากนี้ “หลานม่า” ยังคงเดินสายเข้าฉายอีกหลายประเทศทั้งในเอเชียและยุโรป .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน