
ไม่ได้มีแต่ “ดเวย์น จอห์นสัน” หรือ “เดอะร็อก” เท่านั้นที่เอือมระอากับพฤติกรรมไม่เป็นมืออาชีพของ “วิน ดีเซล” นักแสดงนำและโปรดิวเซอร์หนังรถซิ่งตระกูล Fast จนไม่คิดจะหวนกลับมาแจมในหนังแฟรนไชส์นี้อีก แม้ว่า “วิน” จะยอมเสียฟอร์มง้อผ่านสื่อแล้วก็ตาม
เพราะล่าสุดผู้กำกับสายเลือดเอเชีย “จัสติน ลิน” ที่กอดคอทำงานมาด้วยกันตั้งแต่หนังภาค 3 และนั่งเก้าอี้ผู้กำกับหนังรถซิ่งตระกูล Fast มาถึง 5 ภาค ก็เป็นรายล่าสุดที่ถอนตัวไปจากหนัง Fast X เมื่อปลายเดือนก่อน (เม.ย.65) งานนี้ไม่ต้องไปง้างปากผู้กำกับฝีมือดีให้เสียเวลา เพราะแหล่งข่าววงในออกมาแฉเองว่า “ลิน” สุดทนกับพฤติกรรมของ “วิน” ที่ไม่เพียงมาสาย ไม่ท่องบท และมากองถ่ายในสภาพไม่พร้อม แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ “วิน” ซึ่งนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจมีความคิดเห็นที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา โดยเฉพาะบทหนังก็ต้องปรับเปลี่ยนไม่รู้จบ
จุดแตกหักเกิดขึ้นวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา เมื่อ “วิน” บอกให้ “ลิน” ซึ่งร่วมเขียนบทด้วย เปลี่ยนบทหนังอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ปรับบทกันครั้งมโหฬารไปเรียบร้อยแล้ว เจอแบบนี้ทำเอาผู้กำกับไม่ทน บอกลาหนัง Fast X ว่าไม่คุ้มกับการเสียสุขภาพจิต ยอมทิ้งเงินค่าตัวผู้กำกับ 10-20 ล้านเหรียญสหรัฐแบบไม่ไยดี ทั้ง ๆ ที่แต่เดิมนั้นเขาถูกวางตัวให้กำกับหนังไปจนถึงภาค 11 ซึ่งจะเป็นภาคจบของหนังตระกูล Fast
ฟากค่ายยูนิเวอร์แซลออกตัวว่า ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันซึ่งเป็นเหตุผลในการถอนตัวของ “ลิน” ไม่เกี่ยวกับนักแสดง ทีมงาน หรือโปรดิวเซอร์คนไหน แต่เป็นเรื่องระหว่าง “ลิน” กับค่ายหนังเท่านั้น และแม้จะถอนตัวจากเก้าอี้ผู้กำกับแต่ “ลิน” ก็ยังคงมีส่วนร่วมกับหนัง Fast X ในฐานะโปรดิวเซอร์คนหนึ่ง
ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา “จัสติน ลิน” ประกาศปิดจ๊อบแบบสวย ๆ ว่า กว่า 10 ปีกับหนังตระกูล Fast จำนวน 5 ภาค เขาภูมิใจมากที่ได้ร่วมสร้างสรรค์หนังที่มีความหลากหลายที่สุดในประวัติศาสตร์เรื่องนี้ พร้อมขอบคุณทั้งนักแสดง ทีมงาน และค่ายหนังยูนิเวอร์แซลที่ให้การสนับสนุนมาตลอด และต้อนรับเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Fast
ซึ่งตอนนี้ Fast X ได้ผู้กำกับคนใหม่มาเสียบแทนแล้ว คือผู้กำกับชาวฝรั่งเศส “หลุยส์ เลเทอร์เรีย” จากหนัง Transporter งานนี้ก็น่าคิดว่าหนัง Fast X ซึ่งเป็นภาคที่ 10 ในโปรเจกต์หนังที่มีมูลค่าสูงสุดของค่ายยูนิเวอร์แซล เพราะทำรายได้รวมกันทั้ง 9 ภาคกว่า 6 พันล้านเหรียญ จะยังท็อปฟอร์มโกยเงินถล่มทลาย หรือแป้กสนิท ไม่คุ้มทุนสร้าง 300 ล้านเหรียญซึ่งยังไม่รวมงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะนอกจากค่าตัวนักแสดงระดับบิ๊กเนมอย่าง “ชาร์ลิซ เธียรอน” ที่สูงถึง 7-8 หลัก โดยเฉพาะ “วิน ดีเซล” ที่ต้องได้ส่วนแบ่งมากกว่าใครทั้งหมดแล้ว ระหว่างที่ยังไม่ได้ตัวผู้กำกับทางค่ายยูนิเวอร์แซลยังต้องสูญเงินวันละ 6 แสน – 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นค่าตัวนักแสดง ค่าจ้างทีมงาน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในกองถ่ายสำหรับการถ่ายทำที่ต้องดีเลย์ออกไปหลายวันด้วย.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน












ข่าว / ภาพ : thehollywoodreporter / huffpost / yahoo