นางเอกซุปตาร์โลก “สการ์เล็ต โยแฮนสัน” ยื่นฟ้องค่ายหนัง “วอลต์ ดิสนีย์” ฐานผิดสัญญาด้วยการส่งหนังเรื่อง “Black Widow”ลงระบบสตรีมมิ่ง “ดิสนีย์ พลัส” คู่ไปกับการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ส่งผลให้เธอได้รับส่วนแบ่งรายได้จากหนังเรื่องนี้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นเพราะมั่นใจว่า หากหนังเข้าฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์น่าจะทำเงินได้มากกว่านี้
ขณะที่ “ดิสนีย์” ก็โต้กลับว่า แผนการเข้าฉายและแบ่งรายได้ เป็นไปตามข้อตกลงในสัญญากับนางเอกคนดัง เนื่องจากการส่งหนังลงระบบออนไลน์ ก็ทำให้ “สการ์เล็ต” ได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเติมจากค่าเหนื่อยได้ถึง 20 ล้านเหรียญ
หนัง “Black Widow” เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม พร้อมกับการลงระบบ “ดิสนีย์ พลัส” แต่สมาชิกต้องเสียค่าบริการเพิ่มอีก 30 เหรียญ ถึงจะได้รับชมแบบไม่ต้องเดินเข้าโรงหนัง ซึ่ง “สการ์เล็ต” อ้างว่า “ดิสนีย์” ใช้แผนนี้เพราะต้องการเพิ่มยอดสมาชิกของระบบ “ดิสนีย์ พลัส” เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเอง จนทำให้หนังทำเงินในแถบอเมริกาเหนือรวมกันแค่ 160 ล้านเหรียญเท่านั้น ผิดฟอร์มหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลอย่างมาก “สการ์เล็ต” อ้างว่าเธอพยายามหาทางเจรจากับ “ดิสนีย์” ถึงทางออกร่วมกัน แต่กลับถูกเพิกเฉย
“สการ์เล็ต” เป็นพันธมิตรที่ดีกับ”ค่ายมาร์เวล” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ “ดิสนีย์” มาตลอด” ด้วยการรับบท “Black Widow” ซูเปอร์ฮีโร่แห่งจักรวาลมาร์เวลมานานถึง 10 ปี จนกระทั่งมีหนังภาคแยกของตัวเอง ที่สำคัญ “สการ์เล็ต” ยังได้ชื่อว่าเป็นนางเอกฮอลลีวูดแถวหน้าที่เคยขึ้นแท่นนางเเอกค่าตัวแพงที่สุดในโลกประจำปี 2018-2019 กับรายได้ 56 ล้านเหรียญมาแล้ว
ข่าว REUTERS
ภาพ Vianney Le Caer/Invision/AP
