จากกรณี ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน พร้อมด้วย นางสาวณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด ได้เดินทางมาที่ศาลแขวงปทุมวัน เพื่อทำการฟ้องตรงต่อศาลกรณีนักแสดงสาว ดิว อริสรา ในข้อหาฉ้อโกง กรณีนำสร้อย BVLGARI ของ เมย์ วาสนา มาฝากขายทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ตามที่เสอนข่าวไปนั้น
ล่าสุดวันนี้ (8 พ.ค. 68) ทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนได้ต่อสายตรงหา ทนายเอี้ยง นิติศักดิ์ ทนายความส่วนตัวของสาว ดิว โดยทนายเผยว่า เรื่องที่มีการฟ้องตรงต่อศาล ดิว ก็ทราบแล้วว่าร้านแบรนด์เนมฟ้องคดีตรงต่อศาล ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยเพื่อเจรจาชำระหนี้ แต่ติดตรง ดิว ไม่สามารถรวมเงินมาเจรจารอบที่ 2 ได้ เลยยังเจรจาไม่จบ
ทนายเอี้ยง เผยต่อว่า ในทางกฎหมายที่ถูกฟ้องตรงต่อศาล ระหว่างกระบวนการ เรายังสามารถเจรจาได้ตลอด เพราะยังไม่เป็นจำเลย เนื่องจากศาลยังต้องพิจารณาไต่สวนดูว่ามีมูลเพียงพอจะรับคดีพิจารณาคดีหรือไม่ หากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลก็ไม่ประทับรับฟ้อง แต่ถ้าหลักฐานเพียงพอก็รับฟ้อง แล้วก็จะนัดให้ ดิว มาต่อสู้คดีหลังจากนี้อีกที ระหว่างนี้ก็จะพยายามเจรจาพูดคุยว่ามีโอกาสที่ ดิว จะหาเงินสักก้อนมาเจรจาตกลงกันด้วยดีหรือไม่
ส่วนประเด็นที่ ดิว เคยบอกจะกลับไทย ปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทนายเอี้ยง เผยว่าตนคุยกับ ดิว ตลอด เขายืนยันจะกลับมาแน่นอน ยังอยู่ไต้หวัน เพื่อดูแลลูกที่ยังเล็กจริง ๆ แต่ถ้าจำเป็นก็จะกลับมาแน่นอน ตอนนี้เรียกว่า ดิว อยู่ในระหว่างรวบรวมเงิน ซึ่งจะหยิบยืมจากใครก็ยาก ยอดเงินก็สูง เลยยังติดตรงนี้จริง ๆ วันหนึ่งที่ ดิว หาเงินได้มากพอ ก็จะรีบเคลียร์ทุกอย่างให้จบ
ทนายเอี้ยง กล่าวว่า ดิว ดำเนินชีวิตผิดพลาด ไม่ได้เจตนาฉ้อโกง หรือหลอกลวงใคร เจตจำนงของ ดิว คือประสงค์จะเจรจาทุกฝ่าย แล้วเอาของคืน เมย์ วาสนา แต่อย่างที่บอกติดที่รวบรวมเงินไม่ได้ แล้วทางบริษัทแบรนด์เนม เขาไม่รอเจรจา จึงไปฟ้องตรงต่อศาล ก็ว่าตามกระบวนการทางกฎหมาย หลังจากนี้ก็คงต้องแต่งตั้งทนายไปสู้คดีต่อไป .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ภาพจาก duearisara
