อดีตนักแสดง คริสโตเฟอร์ เบญจกุล ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถมอเตอร์ไซด์พุ่งเข้าชนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว หลังลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บริมถนน จนทำให้ร่างกายพิการ เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว ESG For Life เข้าใจง่าย ทำได้จริง ณ บมจ.อสมท ในนามตัวแทนร้านค้าคนพิการและประชาสัมพันธ์ร้าน APCD 60+ Plus Bakery & Chocolate Café หนึ่งร้านค้าภายใต้มูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก ที่เอื้อให้คนพิการมีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสและการมีงานทำอย่างยั่งยืน ตามหลัก ESG ด้าน S-Social
โดย คริสโตเฟอร์ เล่าว่า น้อง ๆ ในมููลนิธิมีคนพิการหลายประเภท ทั้ง ตาบอด หูหนวก และออทิซึม หรือ ออทิสติก เข้าร่วม หากใครสนใจสามารถมาสมัครได้ตลอด ถ้าผ่านการประเมินของเชฟ บริษัทร้านกาแฟและเบเกอรี่ชื่อดังก็จะทำการคัดเลือกให้ไปประจำอยู่ร้านใกล้บ้าน ยืนยันว่าน้อง ๆ คนพิการมีความสามารถ อยากให้ทุกคนให้โห้โอกาสน้อง ๆ ไม่อยากให้มองว่าพิการแล้วต้องไปขายลอตเตอรี่อย่างเดียว เขาสามารถทำอย่างอื่นได้ พร้อมขอโอกาสจากผู้ประกอบการให้คนพิการได้แสดงฝีมือ
ก่อนอัปเดตสุขภาพว่าจากวันที่ประสบอุบัติเหตุจนวันนี้ผ่านไป 25 ปีแล้ว อาการในตอนนี้ดีขึ้นมาก มีแค่ขาซ้ายที่งอเข่าได้ไม่ค่อยเยอะ และนั่งยอง ๆ ไม่ได้ ช่วงนี้ต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาลทุก 3 เดือนเพื่อติดตามอาการ หมอบอกอาการยังโอเค ไม่มีอะไรรุนแรง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่เวลาเดินทางไกลอาจจะยังไม่ค่อยสะดวก ต้องมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย ส่วนสถานที่ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ทั้งพัทยาและระยอง ยังสามารถไปเองได้ด้วยการขับรถยนต์ส่วนตัว ด้านคนในครอบครัวก็ดูแลดี ฝากถึงคนที่กำลังท้อว่า “ท้อมีไว้ให้ลิงถือ” เราไม่ควรมีคำนี้ในใจเพราะไม่ใช่ลิง ชีวิตยังมีครั้งหน้า ต้องสู้ไปเรื่อย ๆ พอถามว่าย้อนกลับไปในวันที่ประสบอุบัติเหตุ ถามว่าโกรธคนที่ชนมั้ย? เจ้าตัวตอบว่า “โกรธ คือ โง่ โมโห คือ บ้า” ตอนนี้คนที่ชนเป็นยังไงก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากวันนั้น ขออโหสิกรรม ไม่โกรธแค้นใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าย้อนกลับไปได้จะยังตัดสินใจลงไปช่วยคนเจ็บในวันนั้นมั้ย? เจ้าตัวยังคงยืนยันคำเดิมว่าช่วย แต่จะเปลี่ยนฝั่งแทน วันนั้นตนนั่งที่ไหล่ทาง หันหลังให้ถนน จึงมองไม่เห็นรถที่สัญจรไปมา
นอกจากจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ร้านเบเกอรี่แล้ว อดีตนักแสดงใจบุญบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวยังเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ Happy Chris ขายของออนไลน์หลายอย่าง โดยจะเน้นไปทางอาหารของกินทั่วไป อาทิ น้ำส้ม น้ำพริก น้ำผึ้ง ก่อนออกปากว่าอยากหาละครหรือหนังเล่น แต่อาจจะต้องหาผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุน บทบาทที่อยากลองเล่น คือ ตัวร้าย เพราะอยากเปลี่ยนแนว ไม่อยากเป็นคนดีแล้ว ย้ำชัดว่าชอบเล่นละครมาก เพราะทำให้ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่ค่อยเห็น ในอดีตตอนถ่ายละครบ้านไร่ เรือนรัก ก็ได้ไปทุ่งทานตะวัน ไร่ข้าวโพด ส่วนตอนถ่ายละครชื่นชีวานาวี ก็ได้ขึ้นเรือรบ ซึ่งไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ไป แต่ตนก็อยากท่องเที่ยวถ่ายภาพมากกว่า โดยเฉพาะการใช้กล้องฟิลม์ที่ชอบมาก ๆ เพราะทำให้ผ่อนคลาย เหนื่อยมาเยอะแล้วอยากพักผ่อนบ้าง ตอนนี้อายุ 49 ปีย่างเข้า 50 ปีแล้ว ล่าสุดตั้งใจจะไปเที่ยวที่น้ำตก แต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวก่อนเลยไม่ได้ไป วันที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ตนอยู่ที่ร้านเบเกอรี่ รู้สึกว่าจะเป็นลมเฉย ๆ ลูกค้าบอกว่าแผ่นดินไหวก็ยังไม่เชื่อ พอเห็นโคมไฟในร้านแกว่งจึงเชื่อ แต่ไม่ตกใจ โชคดีที่ร้านไม่ได้รับผลกระทบหรือมีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น
ด้านชีวิตความเป็นอยู่ คริสโตเฟอร์ เล่าว่าตอนนี้อยู่กับภรรยาสลับกับการไปอยู่กับคุณแม่ ส่วนแพลนมีทายาทคงจะไม่เกิดขึ้น เพราะตนกินยารักษาตัวมากว่า 20 ปี ทำให้โอกาสที่ลูกเกิดมาแล้วจะพิการสูง เลยตัดสินใจไม่มีดีกว่า ถึงไม่มีลูกตนก็ไม่เหงา เพราะมีภรรยาคอยคุยและทะเลาะกันอยู่ทุกวัน ถือว่าตื่นเต้นดี แต่ละวันก็จะชวนกันไปนู่นไปนี่ หาอะไรกินแถวบ้าน เนื่องจากเป็นคนชอบกินทั้งคู่ ยอมรับว่าเคยคิดจะรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยง แต่ขอให้ฐานะทางการเงินพร้อมก่อน ถ้ารับมาแล้วทำให้เขาลำบากก็ไม่อยากทำ ในอนาคตถ้าฐานะโอเคขึ้น สามารถเลี้ยงดูได้โดยที่เขาไม่ลำบากก็จะรับมาเลี้ยงสักคน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
