
เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) ประกาศให้ ภาพยนตร์ไทยเรื่อง “พระเจ้าช้างเผือก” ที่ถูกสร้างขึ้นมาเกือบ 85 ปี ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2568 นั่นเอง

โดย ภาพยนตร์ “พระเจ้าช้างเผือก” เป็นภาพยนตร์ประเภทเรื่องแสดงขนาดยาว สร้างโดย ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม) เมื่อพ.ศ.2483 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม (หลวงพิบูลสงคราม) ผู้สร้างได้แต่งหนังสือนิยายเรื่องเดียวกันนี้เป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วสร้างขึ้นเป็นภาพยนตร์ในระบบฟิล์ม 35 มม. ขาวดำ บันทึกเสียงในฟิล์ม สำเร็จและนำออกฉายเป็นรอบปฐมทัศน์สู่สาธารณชนครั้งแรก ที่กรุงเทพฯ สิงค์โปร์และนิวยอร์ค ในวันเดียวกันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2484
สาระสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ผู้สร้างต้องการสื่อสารไปยังชาวโลก ให้ตระหนักถึงภัยของการปกครองและผู้ปกครองที่ไม่อยู่ในศีลธรรม ไม่เคารพกฎกติกาของสังคมโลก ซึ่งนำไปสู่การเบียดเบียนข่มเหงราษฎร และการทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้านเพื่อแสวงผลประโยชน์ตนด้วยความโลภโมโทสัน ในขณะที่ผู้ปกครองซึ่งอยู่ในศีลธรรมจะดูแลราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข และปกป้องราษฎรจากภัยสงคราม ด้วยการทำสงครามต่อผู้รุกรานเพื่อสันติภาพ
ภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือก เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวที่สร้างก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ของประเทศไทยเพียงเรื่องเดียวที่เหลือรอดอยูในสภาพสมบูรณ์ เป็นตัวอย่างของผลงานภาพยนตร์ซึ่งเป็นสื่อมวลชนและมหรสพมวลชนยอดนิยมของโลกในเวลานั้น ที่แสดงให้เห็นการผสานขนบการสื่อสารแสดงแบบดั้งเดิมของไทย กับการแสดงแบบภาพยนตร์ของตะวันตก แต่เหนืออื่นใดเป็นการแสดงเจตนารมณ์อันแรงกล้าในการประกาศอุดมการณ์หรืออุดมคติแห่งสันติภาพและสันติสุขอันถาวรของมนุษย์
ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือกอยู่ในความดูแลของ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำประเทศไทย วันที่ 8/8/2566
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำแห่งโลก วันที่ 17/4/2568 (ตามประกาศจากเว็บไซต์ยูเนสโก)
ทั้งนี้ มรดกความทรงจำแห่งโลกคืออะไร สำคัญอย่างไร? องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านสารนิเทศจากองค์การภาครัฐและภาคเอกชนทั่วโลกประชุมหารือปัญหาแผนงานของยูเนสโกว่าด้วย “ความทรงจำแห่งโลก” เพื่ออนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาแห่งโลกด้านสารนิเทศในหลากหลายรูปแบบ (UNESCO’s “Memory of the World” Programme Safeguarding the Documentary Heritage) โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาของโลกที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หรือสื่อผสม เช่น หนังสือตัวเขียน สิ่งพิมพ์ โสตทัศนวัสดุ ซึ่งเก็บอยู่ ณ ห้องสมุดและหน่วยงานจดหมายเหตุทั่วโลก จัดว่าเป็นแหล่งรวมความคิด ประสบการณ์ ที่สะท้อนให้เห็นความหลากหลายและความคิดริเริ่มของชนชาติ และวัฒนธรรมต่าง ๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินแผนงานมรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World Programme : MOW) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม อนุรักษ์ และเผยแพร่มรดกความทรงจำที่เป็นเอกสาร รวมถึงภาพยนตร์ ดนตรี วัตถุ หรือข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่มีคุณค่าสูงในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ โดยยูเนสโกได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิกจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นภายใต้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกขององค์การยูเนสโก เพื่อพิจารณาสำรวจและขึ้นทะเบียนมรดกความทรงจำที่สมควรจะอนุรักษ์และสืบทอด รวมทั้งส่งเสริมให้คนในชาติศึกษาเรียนรู้คุณค่า และเผยแพร่ให้กว้างขวางด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ และหากมีมรดกความทรงจำชิ้นใดมีค่าสมควรแก่การขึ้นทะเบียนในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ก็ให้ดำเนินการเสนอไปยังยูเนสโกเพื่อพิจารณาตัดสินและประกาศขึ้นทะเบียนในระดับที่เหมาะสมต่อไป.

ข้อมูล : Film Archive Thailand (หอภาพยนตร์) , https://www.nat.go.th/mow/th-th/ความทรงจำแห่งโลกในประเทศไทย , สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ