มันคือราคาที่ต้องจ่าย! พีเค รับหลังหย่าไม่มีเงิน เผยคำพูดหล่อเลี้ยงจากคุณแม่ ขอบคุณ มีเรียน ช่วยดึงออกจากจุดที่มืดที่สุดในชีวิต

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ สำหรับกรณีที่ มีเรียน อัคเซลการ์ด แฟนสาวของดีเจและพิธีกรชื่อดัง พีเค ปิยะวัฒน์ โพสต์แฉปมร้อนเกี่ยวกับเงินที่เข้า – ออก ในบัญชีของ พีเค แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ใครคือคนที่ มีเรียน กล่าวถึง ล่าสุดวานนี้(8 ส.ค.67) มีการปล่อยคลิปวิดีโอที่ พีเค ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ไทยรัฐทอล์ก” เผยเรื่องราวชีวิตหลังหย่าอดีตภรรยา โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ ซึ่งคาดว่าน่าพูดเป็นครั้งแรก


โดย พีเค เล่าว่า ปีนี้หนักหนา ตั้งแต่มีนาคม หนักมาก หนักที่สุดในชีวิต มรสุมที่เจอ วันนี้ก็ยังเจออยู่ อยู่คนเดียวไม่ได้ ตื่นเช้ามาเห็นคนด่าเป็นหมื่น ๆ คนทุกวัน เสียใจแต่ก็เข้าใจว่าทำไมเขาด่า ไม่โกรธใครเลย รู้ว่าผิดพลาด เราตัดสินใจเร็วไป และกลับไปแก้ไขไม่ได้ ตอนแรกยังรับไม่ได้กับความจริงเหล่านี้ เสียใจ หลับ เสียใจ หลับ จนวันหนึ่งเริ่มรับได้แล้ว เริ่มเข้าใจแล้วว่าโลกมันไม่ได้เลวร้ายแบบนั้นทุกครั้ง ออกไปทำงานอีเวนต์ คนก็ยิ้มให้และให้กำลังใจเรา ขอถ่ายรูป เริ่มแยกแยะออกแล้วว่าโลกโซเชียลเป็นอย่างนี้ โลกแห่งความจริงเป็นอย่างนี้ ยอมรับว่าหลังหย่าเงินหมด แต่ไม่มีใครเชื่อ สำหรับส่วนตัวตอนนี้ไม่มี ด้วยเหตุผลในอดีต มันมีกิน แต่ถ้าอยากจะไปเที่ยวไหน อยากจะซื้ออะไร ยังไม่เอาดีกว่า ถ้าใครฟัง เราจะพูดตลอด วันนี้มี 700 วันนี้มี 1,000 กว่าบาท เราพูดแบบนี้บ่อย ๆ แต่ทุกคนก็ขำ คนฟังก็ขำ เราก็จะบอกว่าเราไม่มีจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าลำบาก วันที่เราอยู่ท่ามกลางมรสุม ครอบครัวคือสิ่งที่ฮีลใจ คุณแม่จากที่เมื่อก่อน 2 เดือนเจอกันครั้งหนึ่ง แต่ช่วงที่เจอมรสุมคุณแม่มาหาทุก 2 วัน แค่นั่งกินข้าวด้วยกัน คำพูดของแม่ที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจเหลือเกินคือ “มีตังค์กินข้าวมั้ย มีตังค์พอใช้มั้ย” เราเป็นคนที่ชอบให้และเต็มที่กับทุกอย่าง จนวันนึงเจออย่างนี้ เขาก็เข้าใจ”

“บทเรียนความรักสอนให้อย่าตัดสินใจเร็ว คุยกันทุกเรื่องอันนี้สำคัญสุด เพราะผมเป็นคนไม่คุย อะไรที่เขาอยากได้เขาได้ทำทั้งหมด อะไรที่ผมอยากทำแล้วไม่ได้ก็ไม่พูด หนึ่งคือคุยกันทุกเรื่อง สองคือจัดการกับเงินของตัวเอง ถ้าแนะนำคนที่กำลังจะแต่งงานให้แยกกองเงิน เพื่อให้ต่างคนต่างคอนโทรลงานของตัวเอง ถ้าจะให้ใครคนใดคนหนึ่งดูแลการเงิน เราต้องดูด้วยว่าเงินของเราอยู่ไหน สามอย่าตัดสินใจเร็ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คิดให้ดี ผมพลาดมาแล้ว แต่ไม่โทษใคร ผมผิดเอง ตัดสินใจเร็วไป ปล่อยให้ใจเถลิงไปแล้ว จนตอนนี้ทุกวันนี้เราก็ยังเป็น เป็นราคาที่ต้องจ่ายตัวเขาและสังคม ผิดที่สุดคืออันนี้”

“ส่วนรักครั้งใหม่กับ “มีเรียน” นั้น พีเค เผยว่า เขาทำให้เราอยากลุกขึ้นมาทำอะไร อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่อยากทำให้เขา เพราะเราเป็นคนไม่รักตัวเองตั้งแต่ไหนแต่ไร ชอบเห็นคนรอบข้างมีความสุข ทุกวันนี้ที่เราเริ่มกลับมาทำอะไร เพราะอิยากเก็บเงินไว้ใช้ด้วย อยากมีตังค์พา มีเรียน กับ ลูกสาวเขาไปเที่ยว พาแม่ พาพี่หนุ่มไปเที่ยว สมัยก่อนไปเที่ยวทุก 2 เดือน อยากกินอะไรกิน อยากใช้อะไรใช้ แต่ช่วงที่ดิ่งจิ้มจุ้มหน้าบ้านก็อร่อย คือเรารู้จักกันเพราะเขาเป็นเพื่อนพี่ชาย และรู้จักกับแม่มา 7-8 ปีแล้ว เคยเจอเขาในงานวันเกิดของหลาน ตอนนั้นรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักดี แต่เรามีแฟนแล้วก็จบ แต่ช่วงที่เราดิ่งมาก ๆ ใน 2 เดือนที่ผ่านมา เขาส่งข้อความมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม เราก็บอกว่าไม่โอเค แล้วก็ถามว่าเขาอยู่กรุงเทพฯมั้ย เพราะเขามีบ้านอยู่เชียงใหม่ ตอนนั้น 4 โมงเย็น เขากำลังจะกลับเชียงใหม่ 3 ทุ่ม แล้วบ้านผมห่างจากสุวรรณภูมิ 10 นาที ก็เลยชวนเขามากินข้าวกัน ได้เริ่มเปิดใจคุย แล้วเราก็ขอให้เขาไม่กลับ เขาก็บอกไม่เป็นไรคืนนี้ไม่กลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากลับได้ เพราะลูกเขาที่โน่น พอมาเช้าวันหนึ่งก็บอกเขาอย่าเพิ่งกลับเลย อยู่เป็นเพื่อนกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ 2 เดือนครึ่ง และยังไม่ได้กลับเลย เป็นตัวเราที่ทำให้เขาอยากอยู่ ยิ่งตอนที่เราไม่มีอะไรเลย หยุดเป็นคาสโนว่ามา 2 เดือนครึ่งแล้ว วันนี้เรียกว่ามีเรียมคือแฟน บอกรักกันทุกชั่วโมง เขามีลูกสาวที่น่ารักมาก เขาบอกรักลูกสาวตลอด และบางทีเราก็เหมือนลูกชายเขาด้วย เดินเข้ามากอดและบอกรักทุกชั่วโมง เขาเป็นนักสู้ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวเขา และเรื่องของเราด้วย”

“เขาดูชีวิตผมและบอกเลยว่าไอยอมไม่ได้ (ปรบมือ) เต็ม 10 ให้ 12 เลย เขาสวย เซ็กซี่ เอาใจเก่ง เข้ากับแม่ กับครอบครัวได้ดีมาก และเขาแบ่งเลยว่าเงินที่เขาทำมาของเขา เงินที่ผมทำมาของผม ไม่แตะกันนะ ซึ่งเราไม่เคยเจอ อย่างที่เคยบอกให้แยกกระเป๋าตังค์เลย ไม่งั้นพัง เราไม่มีคำสัญญาอะไรให้กัน เขาบอกเลยว่าถ้าวันนี้ดี พรุ่งนี้ก็อยู่ ถ้าวันนี้ไม่ดี พรุ่งนี้ก็แยก เขาเป็นคนอย่างนี้ เพราะเขามีลูกสาวต้องดูแล สองเขาสูญเสียสามีมาแล้ว เขาคือคนที่ดึงผมอออกมาจากจุดที่มืดที่สุดในชีวิต ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เราจะมีความขอบคุณอยู่เสมอไปจนตาย” ซึ่งก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้คลิปดังกล่าวหลากหลายแง่มุม .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 1,037 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม