บู๊ พี่ชาย แจง ปุณณาสา ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม

เพจสืบนครบาล IDMB โพสต์รายละเอียดการจับกุม “บู๊” พี่ชาย “แจง ปุณณาสา” ซึ่งรวบได้ที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว โดยระบุว่า น.1 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 สืบนครบาล ผจญภัยชายแดนบูรพา ก่อนรวบ “บู๊” พี่เมียแจ๊ส โดยรวบได้ที่ริมชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว


ระหว่างจับกุมบู๊ยังไม่สลด แจ้งว่า “ดีแล้วที่มาจับผม ไม่งั้นสัปดาห์หน้าผมจะกลับไปยิงมัน” ด้านผู้การจ๋อกล่าว “ไม่ขอรับรางวัล เป็นหน้าที่ สัมผัสได้ถึงความทุกข์ใจของครอบครัวผู้เสียหาย” เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. (สืบนครบาล) , กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกันจับกุม นายภูมิพัฒน์ หรือบู๊ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.458/2567 ลงวันที่ 26 มี.ค. 67 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” จับกุมที่ จุดตรวจทหารพรานที่ 1201 ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ประวัติเคยถูกดำเนินคดี 8 คดี
1.พ.ศ.2546 – 2548 ก่อเหตุหลายคดี “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธมีดโดยใช้ยานพาหนะ” ,“ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ” ,“ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธมีด โดยใช้ยานพาหนะ” ,“ร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างการผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” ,“ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ (โทรมหญิง)” โดยทั้งหมดต่างกรรมต่างวาระกันแล้วได้ถูกศาลตัดสินให้จำคุก โดยทั้งหมดถูกจำคุกอยู่เป็นเวลา 9 ปีกว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 54 ถึงวันที่ 13 ก.ย. 63 ก็ได้รับการปล่อยตัว
2.วันที่ 9 ก.พ. 67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทฯ” พื้นที่ สน.มีนบุรี
3.วันที่ 3 มี.ค. 67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ” พื้นที่ สน.ลาดพร้าว
4.วันที่ 25 มี.ค. 67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” พื้นที่ สน.มีนบุรี (คดีนี้)


พฤติการณ์กล่าวคือ เรื่องราวมหากาพย์ของ นายภูมิพัฒน์ หรือบู๊ ที่ก่อเหตุขโมยทรัพย์สินของนักแสดงชื่อดัง (แจ๊ส ชวนชื่น) และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ออกหมายจับ โดยเจ้าตัวไม่ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ยังคงหลบหนีและโพสต์ข้อความเฟซบุ๊ค และไลฟ์สด ตอบโต้ ยั่วยุ คุกคาม ฝ่ายผู้เสียหายจนกลายเป็นเรื่องบานปลายตามที่เป็นกระแสสังคมในตอนนี้ เรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เพราะได้เข้าไปรับชมไลฟ์สดของบู๊ มีการกล่าวท้าทายมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ อันเป็นการแสดงถึงความไม่เกรงกลัวกฎหมาย

เพื่อมิให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะตะลุยชายแดนบูรพา ตามความเรียกร้องขอของประชาชนที่มาคอมเมนท์ในโลกโซเชียล โดยมีการบูรณาการสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้วนำกำลัง สืบสวน จ.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้วร่วมสืบสวนติดตาม แต่แล้วชุดสืบสวนก็ต้องพบว่าเป็น “งานสุดหิน” เพราะความยากจากสภาพแวดล้อม การติดตามแทบจะไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ยังถูกซ้ำด้วยสายข่าว “กลุ่มผี” ที่คอยรายงานทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้บู๊ทราบตลอดทำให้ชุดสืบสวนต้องตามหลังก้าวหนึ่งอยู่ร่ำไป เจ้าตัวเหมือนชอบใจโพสข้อความยั่วยุไล่ให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังไปจากพื้นที่ ความกดดันเริ่มถาโถมใส่ชุดสืบสวนหลังใช้เวลาหลายวันแล้วยังไม่เจอตัว พล.ต.ต.ธีรเดชฯ เปิดศึกชิงไหวชิงพริบสั่ง “ถอนกำลัง” ออกจากพื้นที่ “แสร้งล้มเลิกภารกิจ” ให้ตายใจก่อน “ทิ้งทุ่น” ทิ้งมือดียังคงแฝงตัวเป็นวนเวียนอยู่ กระทั่งได้พบกลุ่มผีสายข่าวของบู๊และได้สะกดรอยติดตามไปจนกระทั่งพบตัวเป็นๆ ช่วงชิงจังหวะนำกำลังปิดเกมได้ในที่สุด

ในชั้นจับกุม นายภูมิพัฒน์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ในทางคดีตนไม่ได้เป็นคนขโมยเอารองเท้าไปตามที่ถูกแจ้งความ ตนเองโดนกลั่นแกล้งโดยใครบางคนเพราะตนเป็นคนชอบพูดตรงๆ แล้วตนเองก็เป็นคนที่ภาษีไม่ดีในวงเครือญาติ เพราะตนเองเคยก่อคดีร้ายแรงหลายคดี และจากความเกเรในสมัยก่อนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองหนีเก่งคาดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้ เลยพลั้งเผลอท้าทายเจ้าหน้าที่ไปหลายครั้ง ขอโทษที่ทำลงไป ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ยอมรับว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่มาจับกุม จะกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อชำระแค้นไอพวกนี้ให้หมด” หลังจับกุมตัวได้ นำตัว นายภูมิพัฒน์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย


พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “เราไม่ขอรับรางวัลแต่อย่างใด เราทำตามหน้าที่ที่ประชาชนต้องการที่พึ่งพิง แม้ท่าน(ผู้เสียหาย)จะเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่อีกมุมหนึ่งท่านก็คือประชาชนคนหนึ่ง เรารับรู้ความทุกข์ใจแล้วว่ามันมากเพียงใด และจากพฤติกรรมของผู้ต้องหามีลักษณะ คุกคาม ให้ร้ายกับฝ่ายผู้เสียหาย ซ้ำยังแสดงออกถึงความไม่เกรงกลัวและท้าทายกฎหมาย ถือเป็นภัยสังคม ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อมิให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

การเผยแพร่นี้ เพื่อสาธารณประโยชน์ในการเตือนภัยประชาชน สืบนครบาล หน่วยงานของประชาชนทุกคน .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 143 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม