นักแสดงสาว ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ เปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW หลังตัดสินใจไม่ต่อสัญญาต้นสังกัดเดิม พร้อมเล่าเหตุการณ์สุดช็อก! ที่จำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ หนักจนเกือบไปต่อไม่ได้ แต่ก็ก้าวผ่านมาได้เพราะตั้งสติ มองให้เป็นบทเรียนและแรงผลักดันในการใช้ชีวิต
โดย ณิชา เล่าว่า “เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก ๆ ในชีวิตเหมือนกัน ที่ตัดสินใจไม่ได้ต่อสัญญากับช่อง แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันนะคะ แค่เราอยากจะลองขยับออกมา แล้วดูงานอะไรที่มันกว้างขึ้น ที่เป็นอิสระมากขึ้น แต่ว่ากับช่องเราก็ยังโอเค ยังมีความสุขดีอยู่มาก ๆ ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้เป็นช่วงที่เครียดมาก ๆ แต่ไม่เคยเล่าให้ฟังใคร ด้วยความที่อาจจะไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงที่ต้องตัดสินใจกับชีวิตของตัวเองที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เราอยู่ช่องมานาน 10 ปี ถ้าไปตรงโน้นจะเป็นยังไง สิ่งอะไรมันจะเกิดขึ้น เหมือนกังวลอนาคตเหลือเกินในตอนนั้น เป็นความเครียดที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตนี้ แต่พอผ่านมาได้ก็รู้สึกว่าเป็นความเครียดที่ดีจังเลย แปลกมาก คือรู้สึกว่าดีแล้วที่เครียด หมายถึงว่าเพราะมันคือการตัดสินใจ เราเป็นมนุษย์คนหนึ่งคงไม่แปลกหรอกที่จะเครียดกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เราไม่ได้สตรองจนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เหมือนเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตมาก ๆ ที่ทำให้รู้ว่าความเครียดไม่ได้เลวร้ายเสมอไป การที่เราใช้เวลากับการคิดทบทวนไปมา ตอนนั้นเราอาจจะเครียด แต่พอผ่านมาได้รู้สึกว่าเราจะไม่เสียใจทีหลังแล้ว เพราะเราทบทวนมากที่สุดแล้ว คือมันเป็นวัฏจักรหนึ่ง ความไม่แน่นอนคือเรื่องปกติ”
ณิชา เล่าต่อว่า “ภาพการเป็นนางเอกไม่เคยอยู่ในหัวเลย เป็นสิ่งที่ไกลมาก เพราะเราไม่ได้เป็นสายแสดงออกตั้งแต่เด็ก แต่การที่ได้ลองเข้ามาเริ่มเล่นละคร เป็นบทรับเชิญบทอะไรอย่างนี้มาเรื่อย ๆ แล้วมันก็เลยรู้สึกว่าสนุกดี เลยเริ่มเห็นภาพชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงแรกที่เข้าวงการมีหลายกระแสมาก แต่ว่าอันที่จำขึ้นใจจริง ๆ เป็นคอมเมนต์จากการพูดของคนมากกว่าไม่ใช่คอมเมนต์ในโซเชียล เป็นการพูดที่เขาเดินมาพูดต่อหน้าเรา ประมาณว่าถ้าเป็นอย่างนี้เป็นนางเอกไม่ได้หรอก แล้วหนูช็อก! มันคืออะไร ตอนนั้นเราเพิ่งเข้ามาน่าจะอยู่ประมาณ ม.5 – ม.6 พอเจอสิ่งนี้เลยงงนิดหนึ่งว่าสถานการณ์นี้มันคืออะไร แล้วที่เขาพูดถ้าเป็นแบบนี้เป็นแบบไหน ได้ยินแล้วก็นอยด์ไปประมาณหนึ่ง เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ในชีวิต ก่อนหน้านั้นเราก็แค่เป็นนักเรียนเรียนหนังสือ แต่พอเราเข้ามาทำงานกลายเป็นว่าเราเจอสิ่งนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร ถ้าวันนี้ยังเป็นไม่ได้แต่ว่าเดี๋ยวจะลองทำดู มันก็เหมือนเทิร์นไปอีกแบบหนึ่ง เพราะก็ไม่รู้ว่าจะนอยด์กับสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร เปลี่ยนมันมาเป็นแรงผลักดันเราแล้วกัน”
“เรื่องคอมเมนต์ เรื่องคำพูดคน เป็นสิ่งหนึ่งที่คนที่เข้ามาในวงการหรือคนที่อยู่ในสังคมตรงนี้ อาจจะต้องรับมือ ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเข้าใจความเป็นมนุษย์แบบนี้มากขึ้น ณิชาเคยอยู่ในมุมที่ไม่เข้าใจ ทำงานไม่ได้เลย เพราะเราแคร์แต่คำพูดของคนอื่น แล้วก็เอาคำพูดของคนอื่นมาตัดสินตัวเอง สภาพจิตใจแย่มาก ความมั่นใจหายไปหมดเลย กลัวไม่ถูกใจคนนั้นกลัวไม่ถูกใจคนนี้ จนมาวันหนึ่งช่วงนั้นเล่นละครเรื่องสามใบไม่เถาโดนคอมเมนต์เยอะมาก แต่ว่าต้องขอบคุณกอง ๆ นั้นเลยที่พี่ๆ ทุกคนสนับสนุนเราเต็มที่ จำได้ว่ามีคำพูดหนึ่งที่เปลี่ยน ทำให้เป็นเราอย่างทุกวันนี้เลย คือมีพี่ผู้ช่วยผู้กำกับชื่อพี่กอล์ฟ เขาเห็นสภาพหนูคงแย่มาก เขาก็เลยบอกว่าณิชามานั่งคุยกันหน่อยไหม เป็นอะไรเกิดอะไรขึ้นเราก็เล่าให้ฟัง เขาก็พูดว่าให้ลองตั้งสติ ลองมองภาพให้กว้างขึ้น แทนตัวเองเหมือนเป็นที่กรองน้ำทุกคอมเมนต์ที่เขาโยนลงมา ต้องกรองให้ได้ว่าสิ่งนี้มีประโยชน์กับเราหรือเปล่า สิ่งนี้ปรับปรุงได้ไหม หรือสิ่งที่เขามาว่าเราไม่สวยแต่เราพอใจหรือยังกับสิ่งที่เป็น ต้องแยกให้ดีว่าอันไหนเอามาติเพื่อก่อ หรือว่าอันไหนที่มันไม่มีประโยชน์เลยจริง ๆ เขาก็สอนให้หนูแยกระบบความคิดได้ โอเคพอเจอมันก็นอยด์อยู่แล้วแต่ว่าสุดท้ายมันต้องมาตั้งสติให้ได้ว่าเขาคอมเมนต์อย่างนี้มาเรายังแสดงไม่ดีต้องปรับตรงนี้อันนี้มีประโยชน์งั้นไม่ต้องนอยด์พัฒนาตัวเอง แต่ว่าอันนี้ที่บอกว่าเราไม่สวยก็เราประมาณนี้ทำอะไรไม่ได้ ก็คงไม่อยากไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าเพื่อให้ทุกคนชอบงั้นก็ช่างมัน เหมือนฝึกระบบความคิดนี้มาเรื่อยๆ เลยเปลี่ยนมาเป็นเราทุกวันนี้ ซึ่งก็ไม่ได้ง่ายค่ะ แต่พอทำได้แล้วเราเบาขึ้นเยอะ ในชีวิตของคนไม่มีวันรู้หรอกว่าอะไรมันจะคู่ควรกับตัวเราเอง จนกระทั่งเราได้ลองทำ ต้องรู้จักตัวเองให้มาก ๆ ด้วย ถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับเรา ไม่ใช่คนอื่นบอกว่าเหมาะด้วย เราต้องตอบให้ได้ว่าอะไรคือเรา ต้องลองไปเรื่อย ๆ และฟังตัวเองให้มาก”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน