มิเรียน คนสนิท พีเค เผยสถานะล่าสุด ตอนนี้ทั้งคู่มีความสุขมาก แจงภาพเสื้อเขียน “I’m not Jolie”

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนจับตามอง สำหรับปมข่าวฉาวของพิธีกรดัง พีเค ปิยะวัฒน์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีภาพหลุดไปนั่งกินข้าวกับสาวคนใหม่ที่พัทยา พร้อมไม่กี่วันต่อมาทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนตาดีไปเจอหนุ่ม พีเค ควงสาวสวยเดินห้างดังย่านฝั่งธน อีกทั้งหนุ่ม พีเค เองยังโพสต์ภาพสาวสวย สวมเสื้อที่เขียนข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “I’m not Jolie” จนทำเอาหลายคนต่างสงสัยว่าสาวคนดังกล่าวนั้นเป็นใครกันแน่?


ต่อมาหนุ่ม พีเค เฉลยเองว่า สาวข้างกายคนดังกล่าวชื่อ มิเรียน เป็นลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ไม่ใช่นางแบบ แต่เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันมะพร้าวที่เชียงใหม่ ก่อนที่จะยอมรับว่าสถานะตอนนี้กำลังคุยกันอยู่

ล่าสุดสาว มิเรียน ได้เปิดใจกับไทยรัฐบันเทิง ถึงประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหนุ่ม พีเค โดยเผยว่า ภาพที่ไปทานข้าวกับพีเคที่พัทยาเป็นเจ้าตัวจริง รู้จักกันมานานมากประมาณ 7-8 ปี ผ่านครอบครัว ซึ่งก็เป็นพี่น้องกัน บางทีก็ให้เค้าช่วยไปทำงานบ้าง ซึ่งเราได้ถามความรู้สึกว่าเค้าโอเคไหม เค้าก็บอกว่าไม่ค่อยโอเค จึงนัดเจอกันที่ร้านอาหารแถวบ้านเค้า คุยไปสักระยะหนึ่งเรารู้สึกว่าเค้าไม่โอเคจริง ๆ และเค้าก็เริ่มร้องไห้ ในฐานะน้องคนหนึ่งรู้สึกเป็นห่วงเค้าเลยอยู่เป็นเพื่อน ตอนอยู่ที่บ้านนอนไม่ทำอะไรเลย ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงแบบชู้สาว แต่เป็นห่วงแบบพี่น้อง เห็นเค้าเสียใจก็รู้สึกว่าคนที่กำลังมีปัญหาไม่ควรอยู่คนเดียว แต่เค้าก็พยายามที่จะอยู่คนเดียวมาเป็นอาทิตย์ เลยรู้สึกว่าอยากชวนเค้าไปพัทยา เราก็ไปเป็นเพื่อนแล้วก็ชวนลูกสาวไปด้วย


ตนมีลูกแล้ว แต่ตอนนี้สถานะโสด สามีเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ลูกได้เดือนนึง รู้สึกว่าตอนที่สามีเสียคงนอนน้อยพักผ่อนน้อยดื่มแอลกอฮอล์ คราวนี้พอเห็น พีเค ก็รู้สึกว่ามันเป็นภาพเดิม เลยถามเค้าว่าให้อยู่เป็นเพื่อนไหม เค้าเลยขอร้อง เราจึงอยู่เป็นเพื่อน และบอกให้เค้าเปลี่ยนความทรงจำใหม่

ภาพ I’am not Jolie ? จริง ๆ มันเป็นเรื่องโจ๊กระหว่างตนกับพี่พีเค เป็นช่วงที่ระหว่างไปพัทยา ได้พาเค้าไปเดิน walking street และพยายามให้เค้ารู้ว่าโลกภายนอกกับโลกในโซเชียลมันคนละแบบกัน คราวนี้พอไปที่ไอคอนสยามไปกินข้าวกัน และเวลาคนมองมาที่พี่พีเคเค้าก็จะมองเราตั้งแต่หัวจรดเท้า เลยคุยกันเล่น ๆ ว่าหนูไม่ไหวแล้ว เลยไปซื้อเสื้อมาแล้วเขียนว่า I’am not Jolie ซึ่งมันก็เล่น ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นข่าว ซึ่งเค้าก็หัวเราะตอนนั้น รู้สึกว่าเราทำให้เค้าหัวเราะและมีความสุขมากขึ้น

กลัวเป็นข่าวไหมที่เข้ามาในช่วงจังหวะเวลานี้? อย่างที่บอกว่าเราไม่ใช่คนในวงการบันเทิง เพราะเรารู้สึกอินกับการทำธุรกิจมากกว่า และสื่อไม่ได้มีผลอะไรกับการทำงาน เพราะฉะนั้นคิดว่าถ้าเค้าไม่มีคนคอยอยู่ข้าง ๆ ให้มีความสุข เค้าคงไม่โอเค


เรียกว่าเป็น boyfriend หรือกำลังศึกษาดูใจได้ไหม? พอมาถึงจุดที่เราเสียไปเรารู้สึกว่าเราไม่อยากรออะไร ใครจะเรียกว่าอะไรเราไม่รู้ แต่สิ่งที่คิดอย่างเดียวคืออยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกสาวว่าถ้าเกิดเรามีความสัมพันธ์ที่ดี มีความรักที่ดีกับคน ๆ หนึ่ง ลูกสาวเราเห็นเค้าก็จะมีแบบนั้น

เป็นห่วงเค้ามากขนาดไหน? ใช้คำว่าพยายามเชียร์อัปเขา แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความสุขไปด้วย และเค้าเป็นคนที่ดูแลในครอบครัวดีมาก ไม่เคยเห็นเค้าว่าอะไรใครเลยสักคนและทุกคนที่อยู่รอบตัวเค้าก็เป็นห่วงเค้า โอเคถ้าเค้ายิ้มได้ เค้ามีความสุขหรือดื่มน้อยลงเราก็โอเค

ถ้าอนาคตความสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นจะบอกลูกยังไง? มันเป็นเรื่องของเราเป็นความสัมพันธ์ของเรา แต่แม่ยังไงก็ต้องเอาลูกไว้เสมอ ถ้าวันหนึ่งเราไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกของเราแล้วเราก็ไม่อยู่ ตราบใดที่ยังสนุกและไม่มีอะไรจะเสีย พรุ่งนี้อาจจะตื่นมาหรือไม่ตื่นมาก็ได้

อนาคตคิดจะมีครอบครัวใหม่ไหม? ไม่ได้ปิดตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าแฮปปี้ไหม ลูกเราแฮปปี้ เค้าแฮปปี้ และครอบครัวเราแฮปปี้ไหม มันถึงจะเป็นเรื่องที่มันมีความสุข แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน มันเป็นเรื่องของใครที่มันเป็นคนรอบตัวเราหรือเป็นความสัมพันธ์กับเราประมาณนี้ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 768 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม