พระเอก “เอส กันตพงศ์” เปิดใจล่าสุดหลังหมดสัญญากับทางต้นสังกัดวิกหมอชิต แล้วเตรียมเป็นนักแสดงอิสระ ล่าสุดเผยเรื่องราวที่ยังไม่เคยพูดมาก่อน หลังเจ้าตัว วูบหมดสติกลางงานบิ๊กดีเบตเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ปี 66 เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันขั้นรุนแรง เรียกว่า “โคม่า” หยุดหายใจไปถึง 40 นาที ปั้มหัวใจกลางสยามเลยตอนนั้น และต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 3 เดือน ตอนนี้ก็ประมาณเกือบปีแล้ว เรียกว่าปาฏิหาริย์มาก
โดยวันนี้(26 เม.ย. 2567) เอส กันตพงศ์ เปิดใจ หลังเป็นนักแสดงอิสระ ในรายการเที่ยงบันเทิงสด ถึงสุขภาพปัจจุบันว่า “ถ้าร่างกายคือปกติ สมองในการใช้งานประจำวันคือปกติ แต่ถามว่าความทรงจำในอดีตกลับมาไหม ผมว่ากลับมาแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ความจำในอดีตแทบจะไม่กลับมาเลย แต่บางเรื่องกลับมา 100 เปอร์เซ็นต์ บางเรื่อง 80 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเรื่องสนใจมาก ๆ อย่างเศรษฐกิจ การเมือง อันนี้กลับมา แต่บางเรื่องที่สนใจแต่ไม่กลับก็อย่างบัญชีธนาคาร หุ้น รหัสไอจี เฟซบุ๊ก หรือรหัสมือถือตัวเองก็จำรหัสไม่ได้เลย แล้วข้อเสียคือทุกอันตั้งไม่เหมือนกันสักรหัส
“เอาเป็นว่าปัจจุบันทำให้ดีที่สุดดีกว่า ก็อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ ผมจำไม่ได้ว่าเคยฝันหรือเคยชอบแบบนี้ไหม เราก็เลยไปถามญาติ ๆ ซึ่งเขาบอกว่าใช่ ยังมีความฝันเหมือนเดิม โชคดีที่ห้องทำงานเราใหญ่ เราก็จะวางแผนไว้ถึงปี 2578 เป็นภาษาอังกฤษ คือเราเขียนตั้งแต่ปี 2560 หรือ 2561 นี้แหละ คือเขียนล่วงหน้าพอสมควร ความฝันสูงสุดเหมือนเดิม แต่แนวทางมีเปลี่ยนบ้าง แต่ยังเกี่ยวกับวงการบันเทิง”
พอถามถึงความรู้สึกที่คนเข้ามาให้กำลังใจเวลาเจอเรา “ดีใจมาก หลังออกรพ. ผมรีบกลับไปวัด ทุกคนบอกว่า ทำบุญไว้ให้เราเยอะมาก นี้เป็นความดีใจ ขอบคุณแฟนคลับ ผู้ใหญ่ พี่ ๆ ทุกคนที่รักเราขนาดนี้ ทำให้เราไม่อยากยอมแพ้ ความจริงตอนที่อยู่โรงพยาบาลเคยมีความคิดน้อยใจว่าทำไมต้องเกิดอะไรกับเราแบบนี้ รู้สึกยอมแพ้เลย แต่พอกลับมาแล้วเจอคนที่รัก หวังดี เลยอยากทำความฝันต่อให้สำเร็จ”
สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ผมทั้งอยากขอบคุณและขอโทษ ตอนอยู่โรงพยาบาลกว่าผมจะฟื้นมาแล้วรู้เรื่องก็เกือบเดือน พอฟื้นมาแล้วสิ่งแรกที่พูดคือเป็นภาษาอังกฤษว่า “ผมต้องออกไปทำงาน” แล้วคือตอนนั้นผมตัวใหญ่ทั้งพี่พยาบาลและพี่รปภ. 2-3 คน คือเอาไม่อยู่ จนห้องผมต้องมีรปภ. 10 คน นี้เป็นสิ่งที่ผมต้องขอบคุณทุกอย่างมาก ๆ ถามว่าอยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ คือคำขอบคุณไม่รู้จะพอหรือเปล่า แต่เป็นการขอบคุณที่อยากจะขอบคุณจริง ๆ ที่หวังดีและห่วงผม ครอบครัวเอาข้อมูลให้ได้ดู ผมได้รับรู้เกือบทั้งหมดแล้ว ในอนาคตข้างหน้าจะพยายามรวบรวมและอยากจะไปขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลย ความฝันที่เคยฝันไว้ ผมจะทำให้เต็มที่และจะทำให้ทุกคนไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
