แม่นกน้อย เชื่อปาฏิหาริย์! เก้าอี้พ่อหลอด – ป้ายวงตองห้า ไม่ระคายเปลวเพลิง

จากเหตุการณ์ไฟไหม้โกดังเก็บของ ภายในบ้านพักหมอลำเสียงอิสาน ของหมอลำชื่อดัง นกน้อย อุไรพร ที่ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 ที่ผ่านมา สาเหตุเป็นเพราะน้องชายของพ่อหลอด สามีแม่นกน้อย จุดไฟเผาขยะ ไหม้หญ้าและลุกลามไหม้โกดังเก็บชุดหางเครื่อง เก็บอุปกรณ์การแสดง และสตูดิโอไลฟ์สด วอดเสียหายหนัก


ต่อมาเวลา 16.00 น.แม่นกน้อย อุไรพร หรือ อุไร ฉิมหลวง หัวหน้าวงหมอลำเสียงอิสาน เดินทางมาถึงบ้านเพื่อตรวจสอบความเสียหาย หลังเกิดเพลิงไหม้โกดังเก็บอุปกรณ์การแสดง และสตูดิโอไลฟ์สด เนื่องจากขณะเกิดเหตุ แม่นกน้อย กำลังเดินทางโดยรถยนต์ เพื่อไปทำการแสดงที่หมอชิต 2 กรุงเทพมหานคร เมื่อทราบข่าวจึงรีบตีรถเดินทางกลับบ้าน พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลหนองบัว ที่มาช่วยดับไฟ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้สั่งห้ามเข้าไปในตัวอาคาร เนื่องจากยังไม่ได้ประเมินว่ามีความเสียหายเพียงใด บางจุดมีการทรุดตัว เกรงว่าจะเกิดอันตราย และนำเชือกมากั้นบริเวณพื้นที่เกิดเหตุไว้ แม่นกน้อย เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุตนกำลังเดินทางโดยรถยนต์เพื่อไปทำการแสดงที่หมอชิต 2 กทม. ขณะเดินทางเลย อ.สีดา จ.นครราชสีมา ลูกๆ ที่อยู่บ้านพัก ได้โทรศัพท์ไปบอกว่าไฟไหม้โรงชุด ครั้งแรกที่ได้ยินก็ไม่ได้ตกใจ พอเห็นคลิปไฟไหม้ลุกท่วม ก็รู้สึกห่วงลูกที่อยู่บ้าน อยากกอดให้กำลังลูกที่บ้าน ห่วงวงที่หมอชิตก็ห่วง เพราะลูกวงส่วนมากเดินทางไปแสดงพอลูกวงทราบเรื่องก็ขวัญเสีย แต่แม่ซึ่งเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำก็ได้พูดปลอบใจลูกว่า แม่ยังไหว แม่สู้ได้ กำลังใจจากแฟนคลับจำนวนมาก ส่วนที่ไฟไหม้เสียหาย จะเป็นชุดเครื่องเสียง ลำโพง และชุดการแสดงในตำนาน ซึ่งเป็นของพ่อหลอด ประเมินค่าไม่ได้ แต่มีคุณค่าทางจิตใจ รู้สึกใจสลาย บอบช้ำมาก แต่อยากบอกลูก ๆ เสียงอิสาน แม่ยังไหว ยังไปต่อได้ และอยากบอกเจ้าภาพและแฟนคลับว่า แม่นกน้อยยังสู้ไหว ไม่ต้องห่วง สิ่งที่เสียหายไป ก็จะสร้างขึ้นมาใหม่ จะผ่าวิกฤตและเดินไปให้ได้

แม่นกน้อย เล่าต่อว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ตนได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อหลอด ที่เสียชีวิตครบ 1 ปีพอดี มีการแสดงของวงเสียงอิสาน ตนไม่ได้คิดว่าเป็นเคราะห์ ตนคิดว่าทุกอย่างที่ไหม้เป็นของพ่อหลอด และพ่อหลอดจะนำไปใช้บนสวรรค์ เป็นการคิดบวก เพื่อให้ตัวเองมีกำลังใจ อยากบอกพ่อหลอดว่า แม่นกน้อยกับลูกและหลาน จะทำให้ดีที่สุด ให้คนได้ล่ำลือ สิ่งที่เกิดขึ้นตนไม่มีลางสังหรณ์อะไร มีแต่รอยยิ้มและสร้างตำนานต่อไป แต่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นคือ เก้าอี้ที่พ่อหลอดนั่งกินข้าว ซึ่งเป็นเก้าอี้ประจำตัวพ่อหลอด ตนได้ยกลงมาจากบ้าน เพื่อมาทำพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อหลอด และป้ายบ้านเลขที่ ๕๕๕ ที่เป็นป้ายไฟเก่าแก่ จะนำไปติดบนเวทีหมอลำขณะทำการแสดง ทั้งสองสิ่งได้เก็บไว้ในสตูดิโอ เมื่อเกิดไฟไหม้ทุกอย่างไหม้หมด แต่ไฟกลับไม่ระคายเก้าอี้ประจำตัวพ่อหลอดกับป้ายไฟ 555 เลย สำหรับบ้านเลขที่ 555 พ่อหลอดเป็นผู้ไปขอ ซึ่งเลขที่บ้านหนองใสยังมีไม่ถึง แต่พ่อหลอดเชื่อว่าเป็นเลขมงคลสำหรับพ่อหลอดและแม่นก”หลังจากนั้น ลูกวงเสียงอิสานที่ยืนอยู่บริเวณบ้าน ได้เข้ามาห้อมล้อมกอดแม่นกน้อย เพื่อให้กำลังใจ ซึ่งทุกคนยืนยันว่าจะอยู่และจะสู้กับแม่นกน้อยตลอดไป.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 40 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม