บุ๋ม เซ็ง! เจ้าของไร่อ้อยทำเพลิงไหม้สวนปาล์มยังหลบหนี ลั่น อาจแก้ปัญหาด้วยการซื้อไร่ต้นเหตุไปเลย

ถึงกับเสียน้ำตา เข่าแทบทรุดเลยทีเดียว พิธีกรเซเลปตกมันส์บันเทิง ดร.บุ๋ม ปนัดดา หลังทราบข่าวสวนปาล์มที่พื้นที่ 127 ไร่ ที่ จ.ปราจีนบุรี ของตัวเอง ถูกเปลวเพลิงที่มาจากการเผาไร่อ้อยในพื้นที่ใกล้เคียงลุกลามไหม้จนสร้างความเสียหายราว 50 ไร่ส่งผลให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันที่มีกำหนดเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนหน้ายืนต้นตายทั้งหมด สูญเงินหลักแสนบาทต่อปีทันที

โดย บุ๋ม เผยกับไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่า ไร่สวนดังกล่าว สามี “ก๊อต อธิป” ลงมือทำด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เพื่อหวังเป็นรายได้เก็บไว้ให้ลูกชาย น้องอเล็กซ์ ในอนาคต ซึ่งสวนปาล์มที่เสียหายที่ผ่านมาเพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแค่ 1 ครั้งเท่านั้นจึงรู้สึกเสียใจและเสียดายมาก

ด้านสามีดีกรีนักกีฬายิงปืนทันทีที่ทราบข่าวก็ควบคุมสติได้ดี ใจเย็นมาก บอกเพียงว่าไร่สวนที่เสียหายก็สร้างใหม่ พร้อมกับตั้งใจจะไม่เอาผิดเจ้าของไร่อ้อยที่สร้างความเสียหาย เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และเข้าใจหัวอกเกษตรกรที่ค่อนข้างลำบากในการหาเงินมาชดใช้ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของไร่อ้อยก็ยังหลบหนี ไม่ออกมาแสดงคำขอโทษหรือออกมาเจรจาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ซึ่งหลังจากที่โพสต์คลิปความเสียหายของสวนปาล์มลงไปในโซเชียล มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นในทำนองว่า แม่บุ๋มไม่รู้เหรอว่าไร่อ้อยมักจะเผาเป็นเรื่องปกติ จะไปโทษเขาก็ไม่ได้ ซึ่งบุ๋มยอมรับว่าทันทีที่เห็นความเห็นของชาวเน็ต ยอมรับว่ารู้สึกจุกเหมือนกัน พร้อมชี้แจงว่าทราบมาตลอดว่าจะมีการจุดไฟ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการลุกลามมาในสวนปาล์ม อีกอย่างคนที่เผาไร่อ้อย ต้องรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะมีโอกาสลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ยังขัดต่อกฎหมายใหม่ที่เป็นการสร้างมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย ซึ่งหากสร้างความเสียหายให้ผู้อื่นมีโทษหนักถึงกับถูกจำคุก 7 ปีเลยทีเดียว

งานนี้แม่บุ๋มยังฝากเตือนไปถึงช่วงสภาพอากาศร้อนจัดของประเทศไทย ควรมีการระมัดระวังการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะการจุดไฟเผาขยะและใบไม้รอบครัวเรือน หรือแม้แต่การทิ้งก้นบุหรี่ก็ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน จนเกิดเป็นเพลิงไหม้ลุกลามจนควบคุมไม่อยู่ โดยบุ๋มเผยอีกว่าวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามสวนปาล์มเหมือนครั้งนี้ อนาคตอาจมีการนำเงินไปซื้อที่ดินในพื้นที่ราว 10 ไร่ ที่เป็นต้นตอของเพลิงไหม้ในครั้งนี้เลยก็ได้.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 81 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม