รัศมีแข – นุ่น ดารัณ ร่วมถก “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม” หลังสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มองสิ่งที่เรียกร้องไม่ได้มีอะไรมากเกินไป

เมื่อช่วงเช้าวันนี้(20 เม.ย.67) ที่ Hall 1 – 2 ชั้น 10 อาคารอเนกประสงค์ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ หลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 ร่วมกับสถาบันอิศรา ได้ร่วมจัดเวทีสัมมนาสาธารณะ “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” หลังผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ไทยกำลังจะเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ถัดจากไต้หวันและเนปาล และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีกฎหมายแต่งงานของบุคคลเพศเดียวกัน ซึ่งก็มีเหล่าคนบันเทิง อาทิ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น ,นุ่น ดารัณ ฐิตะกวิน ,กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ เข้าร่วมฟังการสัมมนา


หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม รัศมีแข นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถหนึ่งในคนบันเทิงที่เป็นLGBTQ+ เปิดใจว่า “ตั้งแต่เด็กที่สังคม LGBTQ+ โดนมองเป็นบุคคลประหลาดและไม่โดนยอมรับ โดนสั่งสอนมาว่าห้ามผิดเพศต่าง ๆ แต่วันนี้เราสามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับหลายคน เพื่อส่งเสียงนี้ถึงผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ให้มีกฎหมายที่สามารถคุ้มครองชาวLGBTQ+ได้อย่างถูกต้อง และสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ควรได้รับในฐานะที่เป็นคนคนหนึ่งในประเทศ แม้สมรสเท่าเทียมจะผ่านร่างแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะออกมาเรียกร้องได้ คือการเป็นผู้ปกครองอย่างถูกต้องตามกฎหมายของเหล่าLGBTQ+ ในการสามารถสร้างครอบครัวหรือเลี้ยงดูเด็กได้จริงจัง อยากให้เชื่อมั่นว่าเขาเหล่านี้ก็สามารถเลี้ยงดูอนาคตของชาติได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และการที่ได้มาร่วมงานสัมนาครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการได้นำประสบการณ์ส่วนตัวของเรามาส่งต่อให้กับน้อง ๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าถึง และได้แลกเปลี่ยนความคิดต่าง ๆ มากมาย”

ด้าน นุ่น ดารัณ มองว่าการสัมนาครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะสังคมก็น่าจะมองออกถึงความเปลี่ยนไปของสังคมและความชอบที่เปลี่ยนไปของผู้คน สำหรับการออกมาเรียกร้องไม่ได้มีอะไรที่เยอะเกินไป นอกจากการใช้ชีวิตที่เท่าเทียมกับคนอื่นในสังคม อยากให้เรื่องของกฎหมายมรดก สินสมรสต่าง ๆ ของพี่น้องชาวLGBTQ+ได้รับประโยชน์เหมือนคนทั่วไป ขณะที่นักรณรงค์เคลื่อนไหวข้ามเพศ ฮั้ว ณชเล กล่าวว่า ถึงแม้สมรถเท่าเทียมจะผ่านแล้ว แต่ภาคประชาชนก็ยังมีกฎหมายอีกหลายข้อที่อยากผลักดันในเข้าสู่สภาและอยากให้ภาครัฐหันมาสนใจกฎหมายสำหรับชาวข้ามเพศให้เท่าเทียมกันกับทุกคน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการเคลื่อนไหวสำหรับการผลักดันข้อกฎหมายอื่น ๆ อีกครั้ง.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 74 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม