ปิ่น เก็จมณี แฮปปี้ กลับมาใช้ “นางสาว” อีกครั้ง รอหลายปีก่อนเลิก เจ เหตุลูกขอเวลา จากนี้ขอให้อยู่เฉย ๆ

นักแสดงมากฝีมือ “ปิ่น เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม ออกมาเปิดใจอย่างหมดเปลือกครั้งแรกผ่านรายการ WOODY FM หลังหย่าขาดอดีตสามีที่คบกันมาเกือบ 30 ปี มีลูก ๆ ที่น่ารักด้วยกัน 3 คน โดย ปิ่น เล่าว่าที่ผ่านมาได้รับแต่พลังบวก ไม่มีอะไรที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ ปัญหาครอบครัวก็ต้องมีอยู่แล้ว อาจจะมีบ้างเป็นธรรมดาของมนุษย์ ปัญหาครอบครัวก็ต้องมีอยู่แล้ว นี่เป็นนางสาวครบ 1 ปีพอดี (หัวเราะ) ได้กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง เอาจริง ๆ เป็นแฟนกันมานมาก เกือบ 30 ปี ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีภาพนี้เกิดขึ้น เพราะปิ่นเป็นคนที่มีความฝันที่จะมีครอบครัวมีความสุขเหมือนผู้หญิงทั่วไป เนื่องจากว่าครอบครัวตัวเองมีการหย่าร้างเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรา 2 ขวบ เลยมุ่งมั่นมากว่าเราจะทำครอบครัวให้เพอร์เฟ็กต์ อบอุ่น ไม่ว่าเราจะต้องเสียสละอะไรเราจะทำให้ถึงที่สุดตลอดชีวิต แต่ระหว่างทางมันก็ขรุขระ ไม่ได้สวยงาม ไม่ได้แบบทุ่งลาเวนเดอร์ แต่ด้วยเราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะหาเรื่องยิ้มทุกวัน หาเรื่องสนุกทุกวัน หาเรื่องมีความสุขในความทุกข์ก็ได้ มันก็ผ่านมาได้ด้วยดีเรื่อย ๆ วินาทีที่ต้องตัดสินใจ น่าจะไม่ใช่วันนั้น มเป็นอะไรที่มาเรื่อย ๆ คอย ๆ มา จนสุดท้ายถึงวันที่เราตัดสินใจด้วยสติ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง รวมทั้งหมดแล้วเราคิดว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า เป็นพ่อเป็นแม่ของลูกกันดีกว่า ในเวลาที่ลูกพร้อมแล้วด้วย ในเวลาที่ทุกคนมีความสุข ใช้เวลาเป็นปี ๆ นะ มีหลายครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ตั้งแต่หลายปีว่าแยกกันไหมหรือยังไงดี ก็ไม่เคยที่จะแยกกัน สุดท้ายแล้วก็กลับมา ก็ดีขึ้นทุกครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายที่พอคุยกันแล้ว เขาบอกโอเคก็ตกใจเหมือนกันนะ ไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ โอเคได้เลยเดี๋ยวนัดวันมา


คือเหมือนไลฟ์สไตล์มันต่างกันออกไปเยอะมาก จากที่เราเคยสนุกด้วยกันตั้งแต่เด็ก เพราะเราคบกันสนุกมาก เราบู๊ล้างผลาญด้วยกัน เราเล่นกีฬาด้วยกัน ไปที่ไหนก็ไปด้วยกัน แต่ตอนหลังมาอาจจะเรื่องของสุขภาพของปิ่น ที่ปิ่นใส่สะโพกเทียม ไปซนด้วยไม่ได้แล้ว เขาก็คงจะต้องไปสนุกของเขา ปิ่นก็สนุกของปิ่น เวลาทำงานก็ไม่ตรงกันเขาก็ทำงานกลางคืน เราก็จะต้องนอน ก็ต้องดูแลไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเรา ลูกของเรา เวลามันก็ต่างกันแล้ว ก็เลยค่อนข้างที่จะห่างกัน แต่ก็เหมือนพยายามจะกลับมาหาอะไรทำที่เหมือนๆ กัน ร่วมกันได้บ้างมันก็คงน้อยลง ตอนนั้นเพื่อนส่งข้อความมาหาเยอะมาก อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง เพราะว่าบางทีมันจี๊ดอ่ะ ยิ่งคนมาโอ๋มันยิ่งร้องไห้ แบบไม่อยากร้องแล้ว จะบอกว่าร้องไห้ไม่เยอะก็ไม่ได้ มันก็เป็นวัน ๆ บางวันก็แฮปปี้จังเลย เหมือนไบโพลาร์ อีกวันหนึ่งคือร้องไห้อย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว ก่อนจะแยกกันแน่นอนสิ่งแรกที่คิดถึงคือลูก เราคุยกันมาโดยตลอด ลูกรู้ทุกอย่างตลอดเวลา เราเป็นเพื่อนกัน ช่วงที่เราอยู่ในโมเมนต์พีค ลูกดูแลเราอย่างดีทุกคน น่ารักมาก ลูกกลายเป็นผู้ใหญ่ไปเลย ตอนที่เราไม่อยู่บ้านลูกก็ดูแลสัตว์เลี้ยงให้เราด้วย (หัวเราะ) โดยเฉพาะ เจ้าขุน อยู่กับหมาจนนิสัยเหมือนกัน (หัวเราะ) เพราะปิ่นเป็นคนระเบียบมากมีกฎเกณฑ์ทุกอย่าง แต่พอเราออกจากบ้านไปขุนก็รับอาสาดูแลให้ ก็คือเอาหมามาบ้านคุณแม่บ้าง อยู่กับขุนบ้าง แต่เจออีกทีหมาเสียหมาหมดเลย (หัวเราะ) คำนี้ได้ใช้เลยอ่ะ ขุนก็บอกว่าก็นิสัยเหมือนขุนอ่ะมัม เละตุ้มเป๊ะยังกับผ้าขี้ริ้ว

ตอนจับเข่าคุยกับลูก มีบ้างที่คุยพร้อมกันทั้ง 3 คน และแยกคุย อย่างที่บอกว่ามันเป็นอะไรที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วลูกก็เห็นมาทุกอย่างเลย แต่ก็เคยที่คุยว่าจะเป็นเพื่อนกันนะ ซึ่งเขาก็บอกเขายังไม่พร้อม ขอเข้ามหาวิทยาลัยก่อนได้ไหม จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดกับเราโดยตรงนะ แต่เขาแอบพูดกับคนอื่น แล้วคนอื่นมาเล่าให้ฟัง บางคนก็พร้อม บางคนก็ยังไม่พร้อม เหตุผลก้คือเขาอยากตั้งใจเรียนก่อน เขาอยากทำงานแบบมีสมาธิ อยากเป็นผู้ใหญ่ก่อน เมื่อเขาพร้อมเขาจะบอก พอเขาบอกเราก็เลยโอเค เราก็รอจนลูกพรอม รอหลายปี ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องฟ้าผ่ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นเลย แต่ว่าเราเป็นคนไม่ชอบประกาศให้โลกรู้ ส่วนลูก ๆ ปิ่นก็ห่วงเขาไปตามวัย ตามแต่ละคน แต่ละเรื่อง ก็แสบกันคนละแบบ ด้วยความที่เราสนิทกันมาก เพราะฉะนั้นก็คุยกันทุกสเต็ปอยู่แล้ว เขาเล่าให้เราฟังทุกอย่างจนเราไม่อยากฟัง บางทีแทบไม่ต้องจินตนาการเลย ก็สนุกดี ก็มีทุกอารมณ์ ทุกรส แล้วก็จะมาปรึกษาว่าทำแบบนี้ดีไหม คนนี้เป็นยังไง เวลาไปหึงเขาแล้วเขาก็โกรธ เราหึงได้ไหม งอนได้ไหม หรือว่าไปขอโทษยังไงดี ง้อยังไง ก็คุยกันหมดทุกอย่าง กับอดีตสามีเราก็สลับกันเลี้ยงลูกไปมา เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน

ถามว่าตอนนี้เป็นนางสาวแล้ว เริ่มมีความรู้สึกกับผู้ชายคนอื่นบ้างหรือยัง เรียนตามตรงเลยว่าไม่เอาเลย แล้วไม่มีใครมาจีบด้วย คือความที่เรามีแฟนมาคนเดียวเกือบ 30 ปี อยู่ ๆ จะให้เรามีคนคุย ก็มีทอมมีอะไรมาบ้างนิด ๆหน่อย ๆ เราก็รู้สึกไม่คุ้นอ่ะ คุยกับลูกแล้ว ลูกก็บอกว่าอยู่เฉย ๆ เถอะมัม เพราะว่าตัวเองตามพวกผู้ชายเขาไม่ทันหรอก เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็เศร้า เดี๋ยวก็โดนหลอกอีก หลาย ๆ คนไม่ทราบว่า ปิ่น ค่อนข้างที่จะเปิดกว้างมากในแง่ของความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็ตาม ซึ่งลูก ๆ เข้าใจ แต่ตลอดเวลาลูก ๆ อยากให้อยู่เฉย ๆ แต่เขาก็เหมือนสงสารแม่ กลัวแม่เหงา เพราะว่าไม่มีใครเลย ก็อยากให้แม่มีเพื่อนคุย ให้แม่กระชุมกระชวยบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว เจ้านายบอกว่า ถ้าแม่มีแฟนจริง ๆ นะ เจ้านายกัดลิ้นตายดีกว่า (หัวเราะ) แล้วจะมาอนุญาติฉันทำไม อยู่เฉย ๆ ฉันก็มีความสุขดี ขุนก็บอกขุนคงต่อยเขา สมุทรก็บอกไม่โอเค แล้วใครจะกล้าเข้ามาเนี้ย! พูดขนาดนี้ แต่เอาจริง ๆ เราก็มีความสุขแล้ว อยู่กับลูกที่น่ารักทั้ง 3 คน แล้วเพื่อน ๆ ก็น่ารัก ครอบครัวปิ่นก็อบอุ่นมาก เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ปิ่นเพิ่งรู้ว่ามีคนรักเราจริงใจกับเราเยอะมากขนาดนี้ หวังดีประสงค์ร้ายก็มี เราก็เลือกที่จะเหลือวงกลมให้มันเล็กลง ไม่ค่อยพูดอะไรกับใครเยอะ มันคือปากต่อปาก ไปต่อไป ความมันเปลี่ยน มันไม่สนุกเลย แล้วปิ่นรักลูกมาก ทุกอย่างที่จะออกจากปากปิ่น คือแคร์ลูกที่สุด โชคดีที่สุดที่มีพวกเขา ขอบคุณพระเจ้าเลย แค่มี 3 คนนี้ชีวิตก็เต็มแล้ว เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข เขาอยู่กับเราตลอด ณ ตอนนี้คือ โล่ง สบาย เจอหน้ากันก็ทักกันคุยกัน แรก ๆ ก็อาจจะแปลก ๆ นิดหนึ่ง เคอะเขิน แต่ตอนหลังก็ชินแล้ว ตอนนี้ก็มีเวลาเยอะขึ้น ดูแลลูก ออกกำลัง ที่ขาดไม่ได้คือ 50 ปีแล้วค่ะ ก็ต้องดูแลความสวยความงาม”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 83 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม