เดินทางมาถึง 20 ปี ของภาพยนตร์ไทยในตำนาน “โหมโรง” ที่ยังครองใจคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้ นักแสดงนำของเรื่องอย่าง โอ-อนุชิต สพันธุ์พงษ์ ออกมาเล่าถึงความประทับใจน้ำตาคลอถึงภาพยนตร์ดังกล่าว รวมถึงความตื้นตันที่หนังเป็นส่วนหนึ่งทำให้วงการดนตรีไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง สำหรับตนที่ผ่านมาไม่เคยรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กหลาย ๆ คนหันมาเล่นดนตรีไทย แต่ความรู้สึกมันชัดขึ้นเมื่อจัดครบรอบ 20 ปี เคยมีอาจารย์ดนตรีไทยเดินมาบอกว่าเด็ก ๆ หลายคนหันมาเริ่มเล่นระนาด จนพัฒนาไปถึงเป็นนักระนาดในปัจจุบัน เพราะตอนได้ยินชื่อหนังแอบตกใจ เพราะคิดว่าไม่น่าเชื่อว่าตนจะทำอะไรแบบนั้นได้ แต่พอผ่านมา 20 ปี ต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนแรกที่นั่งดูหนังตัวเอง คิดแค่ว่าเป็นเพียงหนังเรื่องหนึ่งไม่ได้อะไร แต่พอกาลเวลาผ่านไปกลับไปมองอีกครั้ง ทำให้รู้สึกภูมิใจกับหนังตัวเองมากกว่าเดิม ยังยืนยันว่าภาพยนตร์เรื่องโหมโรงยังเป็นหนึ่งในผลงานที่เป็นที่สุดในอาชีพนักแสดงของตน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่หนังธรรมดา แต่ยังเป็นสิ่งที่ทำให้คนสมัยนั้นจูงมือลูกหลานออกมาดูภาพยนตร์ไทยกันมาขึ้น นี่ก็ถือเป็นความประทับใจที่ไม่เคยลืมสำหรับตน
สำหรับที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์มา ได้เล่นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจในหลาย ๆ เรื่อง มองว่าภาพยนตร์ในแต่ละเรื่องมีความน่าจดจำต่างกันไป ต่างคนต่างชื่นชอบฉากที่ต่างกันในเรื่อง แต่จะมีใครที่ฉุกคิดหลังจากดูโหมโรงแล้วว่าเราควรจะกลับมารักษาหรือต่อยอดดนตรีไทยอย่างไร? ซึ่งปัจจุบันโหมโรงได้แรงสนับสนุนจากทุกฝ่ายช่วยกันผลักดันดนตรีไทย เพื่อหวังเป็นซอฟพาวเวอร์ในอนาคตได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่วงการระนาดไทย หรือดนตรีไทย จะกลับมาคึกคักและมีเยาวชนคนรุ่นใหม่สนใจ และพัฒนาขึ้นไปสู่นักระนาดมืออาชีพต่อไป
ส่วนหนังโหมโรงที่หลาย ๆ คนเรียกร้องให้นำกลับมาฉายอีกครั้ง ฝั่งของอาจารย์ ขุนอิน ก็บอกว่าตอนนี้อาจจะต้องปรึกษาทางด้านผู้ใหญ่ แต่ในใจลึก ๆ ก็อยากให้กลับมา remastered อีกครั้ง เชื่อว่าถ้ากลับมาในยุคของโซเชียลแล้วหนังจะเป็นกระแสมากกว่าเดิม และได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลามแน่นอน .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
