ฝน ธนสุนธร เปิดใจดรามาโปรเจกต์ปลดหนี้แบรนด์สินค้าถูกวิจารณ์เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่

กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียว หลังนักร้องลูกทุ่ง “ฝน ธนสุนธร” เปิดโปรเจกต์ปลดหนี้แบรนด์สินค้าหนึ่ง ที่ เธอ เคลมว่าตัวแทนสามารถปลดหนี้ได้ทั้งหมดด้วยการขายสบู่ โดยมีการอ้างว่าสามารถปลดหนี้ให้คนไทยได้ถึง 25 ล้านบาท จนทำโซเชียลวิจารณ์แหลก ไม่เห็นด้วยกับการที่ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังเอาชื่อเสียงมาแลกกับการขายสบู่ ที่คล้ายกับแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมีการกล่าวหาว่าแท้จริงแล้ว เป็นโปรเจกต์หลอกลวง พรีเซ็นเตอร์มีหนี้สินมากมาย รวมทั้งมีการออกมาโยงว่า “ฝน ธนสุนธร” คือนักร้องหน้าหวาน ติดการพนันอีกด้วย ล่าสุด สาวฝน ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้แล้ว รับกระทบความเชื่อมั่น แต่ศึกษาธรรมะเป็นธรรมดาโลกไม่คิดฟ้องใคร


“ตามที่เป็นข่าว ทุกคนจะเข้าใจว่าโปรเจกต์ปลดหนี้เป็นโปรเจกต์ฝนหรือเปล่า จริง ๆ ฝน เป็น พรีเซ็นเตอร์ ตามสัญญาอย่างที่ คุณส้ม บอกว่าทำหน้าที่พรีเซ็นต์ในเรื่องสินค้า การที่เราไปกิจกรรม ก็ไปตามหน้าที่ตามสัญญาพรีเซ็นเตอร์ ถ้าคนไม่เข้าใจก็จะเข้ามาเป็นห่วงว่าจะจริงได้เหรอ ปลดหนี้ได้จริงเหรอ บางทีเขาฟังไม่จบ ว่าเอาเงินมาให้เรา 520 เดี๋ยวเราไปปลดหนี้ให้ เขาฟังไม่จบ จริง ๆ ไม่ใช่ เราจะสอนให้ขายของ สอนให้ทำงาน ถ้าใครขยันก็ปลดหนี้ได้แน่นอน ถ้าใครไม่ขยันก็คงตามที่ตัวเองทำ เราก็พยายามสอนให้ทุกคนได้ทำ ได้ค้าขายออนไลน์ได้ ฝน เห็นว่ามันเป็นแบบนี้จริง ๆ เราก็แค่ไปถามว่าเขาทำยังไง สัมผัสถึงความสำเร็จของเขา ฝน แค่เห็นตามความเป็นจริงเท่าที่เราได้เห็น แต่ก็เข้าใจว่าหลายคนก็ฟังไม่จบ แล้วกลายเป็นว่า ระวังนะเดี๋ยวจะถูกหลอก เราก็โอเค ถ้าเรื่องเริ่มคนสงสัยเยอะ เราก็อยากให้ทางแบรนด์ บอสส้ม ผู้บริหาร ได้แถลงเลย เพราะฝนเป็นแค่จุดเล็ก ๆ เจ้าของพรีเซ็นเตอร์ ไม่ใช่เจ้าของโปรเจกต์ เราอยากให้ผู้บริหารได้มาชี้แจง อธิบาย แสดงเอกสารที่ถูกต้อง ใครอยากตรวจสอบก็เข้าไปเช็กได้ ถ้าให้ ฝน นั่งตอบก็อาจตอบไม่หมด ให้ผู้บริหารตอบก็น่าจะชัดเจนกว่า แต่ในส่วนเรา เราทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์เท่านั้นเอง อยากให้ทุกคนฟังให้จบ และฝนจะไม่ฟ้องใคร ถ้ารู้ว่าไม่ใช่เข้ามาขอโทษเรา แก้ไขให้เราก็พอใจแล้ว โลกวุ่นวายมากพอแล้ว เรื่องเยอะมากพอแล้ว เราอย่าทำอะไรให้เป็นเรื่องกันอีกเลย ฝน เลยรู้สึกว่าไม่อยากจะฟ้องร้องหรืออะไร ถ้าเข้าใจผิดก็มาคุยกัน

อยากฝากว่าสิ่งที่คุณคอมเมนต์ลงไป ทุกคน แต่ละคนสภาวะทางจิตใจมันไม่เท่ากัน บางคนถึงขั้นฆ่าตัวตายได้จากคอมเมนต์ของคุณ ซึ่งคุณไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง เหมือนทัวร์ลงแล้วเขารับไม่ไหวเขาก็ฆ่าตัวตาย คนเหล่านั้นจะรับผิดชอบชีวิตนั้นได้ไหม อยากฝากตรงนี้ ว่าจะพูดอะไร พิมพ์อะไรนึกถึงสภาพจิตใจเขานิดนึง แต่ฝนพยายามมองแง่บวกนะว่าเขาเป็นห่วงเรา เขาไม่รู้จริง ๆ ตอนนี้เรามาชี้แจงแล้ว ก็เข้าใจแล้วนะ จบนะ เราก็จะยืนยันว่าเราไม่ฟ้องนะ เพราะเราไม่อยากมีเรื่องมีราว ไม่อยากมีปัญหาเท่านั้นเอง จะทำอะไรก็คิดถึงสภาพจิตใจคนอื่นนิดนึง ถ้าจะพูดหรือแนะนำในเชิงสร้างสรรค์เราน้อมรับอยู่แล้ว โลกจะได้น่าอยู่มากยิ่งขึ้นนะคะ จริงๆ ผลกระทบก็คือความไม่มั่นใจในตัวเราแล้ว จากคนที่เคยมั่นใจก็ไม่มั่นใจในตัวเราแล้ว แต่ฝนจะพยายามเป็นตัวเองแบบนี้ ใช้เวลาให้เขาเห็นว่าฝนไม่ได้คิดทำร้ายใคร หรือหลอกใคร หรือมุ่งจะอะไรกับใคร อยากให้เขาเห็นด้วยเวลา ว่าเราไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ทุกคนมีสิทธิ์คิดหมด แต่ตอนนี้อาจกระทบทางจิตใจบ้าง เขาฟังไม่ครบ ไม่จบ บางคนเขาเป็นห่วง ถ้าจะกระทบก็คือกระทบในเรื่องความเชื่อมั่นในตัวเรามากกว่า บางทีการขายสินค้าหรือรับพรีเซ็นเตอร์ ฝนค่อนข้างมีวิจารณญาณนิดนึง ฝนขอลองเอามาใช้ก่อน ถ้าดีไม่แพ้ถึงจะกล้ารับ ไม่งั้นจะพูดได้ไม่เต็มปาก เราคิดว่าเรามีความซื่อสัตย์พอสมควรในการทำงาน


กับคนมองแง่ลบ ฝนมองว่าเป็นธรรมดาโลกมนุษย์ เราศึกษาธรรมะมาเราก็เข้าใจอยู่แล้ว เราจะไปห้ามคนอื่นเราก็ห้ามไม่ได้ แต่ถามว่าตัวเองผิดไหม ถ้าผิดก็ปรับปรุงตัวนะ ถ้าเราไม่ผิดก็ไม่เป็นไร คนไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดไป สักวันนึงก็คงเข้าใจเอง เสียใจไหมก็มีบ้าง ฝนลุกขึ้นมาได้เร็วค่ะ เราไม่มีเวลานั่งเสียใจตลอดเวลา แล้วทำงานไม่ได้ ฉะนั้นถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ ก็ทำตัวปกติต่อไป แต่ถามว่ามีกระทบไหม ก็นิดนึง เสียใจบ้าง กับคลิปที่เชิญชวนตัวแทน ผู้บริหารเขาจัดโปรแกรมให้เราทำอะไรเราก็ทำตามหน้าที่ เราไม่มีหน้าที่ตัดคลิปเองหรือจะทำอะไรก็ไม่ใช่ เราทำตามหน้าที่ของเรา แล้วเป็นหน้าที่ของแบรนด์ไป ฝนทำตามหน้าที่ คลิปฝนไม่ได้ตัดต่อเอง ไม่ได้เขียนสคริปต์เอง หน้าติ๊กต่ อกฝนไม่เกี่ยวกับสินค้าใด ๆ เป็นไลฟ์สไตล์ของฝนเอง ไม่มีหน้าที่ปักตะกร้าขายของ เพราะมีหน้าที่แค่พรีเซ็นเตอร์ค่ะ ไม่ใช่หน้าที่โพสต์ขายของ นอกจากบางสินค้าให้เราไลฟ์ขายแล้วปักตระกร้าให้ เราก็ทำเป็นครั้ง ๆ ไป ไม่ได้ทำประจำค่ะ

เรื่องขายบ้าน มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่บ้าน ก็คุยปกติ คุยเรื่องผลงาน เรื่องอนาคต ซึ่งฝนชอบทำการเกษตร ก็เลยบอกว่าอนาคตฝนฝันอยากมีบ้านสวน อยากอยู่แบบพอเพียง อย่างที่ในหลวง ร.9 ท่านสอน ฝนฝึกทำปุ๋ยทำโน่นนี่ ฝึกตัวเองเพื่ออนาคตเราไปอยู่บ้านสวนในบั้นปลายเกษียณหลังจากเลิกร้องเพลง เขาเลยถามว่าถ้าไปอยู่ตรงนั้น แล้วบ้านหลังนี้ล่ะ เราก็บอกว่าถ้าเราต้องไปอยู่บ้านสวน บ้านหลังนี้เราก็ต้องขายแล้วมั้ง แค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้ประกาศขายบ้าน แต่พูดจริงว่าถ้าเราถึงขั้นไปทำสวน มีสวน ไปอยู่สวรรค์บนดินตามสิ่งที่เราปรารถนาแล้ว บ้านหลังนี้ก็คงต้องขายแล้วมั้ง แค่นั้นเองค่ะ อาจจะฟังไม่จบ หรือฟังไม่ได้ศัพท์ หรือฟังแค่ว่าขายบ้าน หรือดูแค่พาดหัวว่าฝนจะขายบ้านแล้ว แต่นิดนึง นักข่าวก็ขอเราว่าขอพาดหัวแรง ๆ ได้ไหม เราก็เรียนนิเทศฯ มาเนอะ พาดหัวคนก็สนใจ หารู้ไม่ว่ามันจะมากระทบเรา แต่ถ้าคนได้ฟังเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบจริง ๆ ก็จะเป็นอย่างที่ฝนเล่า ให้ ฝน เล่ากี่รอบก็เหมือนเดิม เพราะเป็นความจริง” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 1,725 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม