เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (5 กพ. 67) นักแสดงหนุ่ม เบสท์ ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ พร้อมทนาย เกรียงชัย วิศิษฏ์สรอรรถ หรือ ทนายตั้ม เดินทางมายื่นฟ้องที่ศาลแพ่งพระโขนง เพื่อยื่นฟ้องคดีผิดสัญญาจ้างทำของ และเรียกค่าเสียหาย จากบริษัทรับต่อเติมและตกแต่งภายในย่านสวนหลวงแห่งหนึ่งที่รับงานตกแต่งบ้าน (เรือนหอ) ของ เบสท์ ซึ่งแพลนจะใช้เป็นที่ทำงานและที่พักอาศัยด้วย แต่กลับทำงานล่าช้า ตลอดจนสร้างความเสียหายกระทบถึงตัวบ้านร้าวชำรุด มูลค่าความเสียหายรวมเกือบ 2 ล้าน โดยทนายความส่วนตัวของ เบสท์ เผยว่านักแสดงหนุ่มได้ยื่นฟ้องเรียกค่าความเสียหาย(จากมูลค่าจริงเกือบ 3 ล้านบาท) ทั้งยังบอกว่าอีกว่าบริษัทรับต่อเติมและตกแต่งภายในดังกล่าวก่อสร้างไม่เสร็จทิ้งงาน ก่อนหน้านี้ได้เคยมีการนัดเจรจา แต่ไม่เคยได้รับการรับผิดชอบ เป็นลักษณะยื้อซื้อเวลา ไร้ความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ส่งผลถึงสุขภาพจิตใจและยังมีปัญหาที่ถูกยกเลิกงานและแก้ไขงาน ที่เกี่ยวกับบ้าน ที่ทำการตกลงกับลูกค้าไว้แล้วด้วย
ด้าน เบสท์ ที่มีสีหน้าค่อนข้างเครียด กล่าวเสริมว่า “ผมตั้งใจซื้อบ้านไว้เป็นเรือนหอและที่ทำงานแล้วก็อยากที่จะทำข้างในบ้านใหม่ สุดท้ายก็เกิดความเสียหายจากผู้รับเหมา ซึ่งเขาไม่ได้รับผิดชอบในส่วนที่เกิดความเสียหายระหว่างทาง ตั้งแต่เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว จนมาถึงวันนี้ เป็นเรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่เขาทำไปแล้วหลายเดือนและทิ้งงาน มีการไกล่เกลี่ยกันแล้วสุดท้ายก็ตกลงกันไม่ได้ ผมโอนเงินไปให้เขา 2 งวด จากเดิม 3 งวด มันก็มียอดเงินประมาณหนึ่งแล้ว วันที่เขาให้ผมไปรับงาน ผมก็เข้าไปดูงาน มันพังหมดเลย ผมอยากให้เขามาซ่อมให้ แต่เขาปัดเรื่องการมาซ่อม เขาบอกว่าผมต้องรับงานไปได้แล้ว ผมก็แย้งว่าจะรับงานได้อย่างไร ในเมื่อสภาพบ้านเป็นอย่างนั้น ครัวร้าวทั้งหมด กระเบื้องก็ต่อไม่ดี ซึ่งกระเบื้องผมก็ได้สปอนเซอร์มาจากแบรนด์หนึ่ง และเขาก็จ้างงานผมเป็นพิธีกรด้วย แต่สุดท้ายก็มีปัญหา เรามีการคุยถึงวิธีการแก้ปัญหากับเขาเรื่องนี้หลายรอบ แต่ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาไม่รับผิดชอบเลย จริง ๆ มันมีปัญหาหลายส่วน ทั้งเรื่องของค่าบ้านที่ผมผ่อนชำระไป 2 ปีไม่ได้อยู่ และแบรนด์ที่เขาสนับสนุนวัสดุต่าง ๆ เขาต้องมีการถ่ายทำเป็นคลิปรายการเพื่อออนแอร์มันก็ทำไม่ได้ รอยที่ร้าวมันร้าวโหดมาก เสาบ้านมันร้าวผ่ากลาง ในครัวก็ร้าว พื้นก็ร้าว แต่เขาบอกว่าอยู่ได้ ผมเลยบอกให้เขาเอาวิศวะมาตรวจเช็กเพื่อยืนยันว่าสามารถเข้าอยู่ได้ เขาบอกว่าไม่มี อ้าว แล้วใครจะรับผิดชอบชีวิตเรา แต่จุดที่ทำให้ผมเลือกปรึกษาทนาย เพราะเขาบอกว่าไปเรียกทนายมาคุยเลย ผมก็ไม่คุยแล้ว ให้ทนายพี่ตั้มคุยดีกว่า ผมเซ็งตั้งแต่มันเกิดเรื่องแล้ว เราผ่อนบ้านมา 2 ปีแล้วไม่ได้อยู่ ถูกยกเลิกงานที่ต้องมาถ่ายที่บ้าน ผมจ่ายเงินเป็นล้านแล้วแต่ผมไม่ได้อยู่บ้าน เขาต้องรับผิดชอบกับการที่ผมต้องสูญเสียอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมเครียดมาก จ่ายเงินไปเท่าไหร่ก็ไม่เห็นอะไรเลย มันส่งผลกับจิตใจเรา รวมถึงครอบครัวและคู่หมั้น ลามไปถึงงานต่าง ๆ ด้วย เหมือนเราตั้งเป้าไว้ แต่เราไม่สามารถไปถึงได้ เหมือนเป็นปมไปเลยกับสิ่งที่เขาทำ เราต้องเอาเขามารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำให้ได้ครับ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน