นักร้องและนักแสดงรุ่นใหญ่ “ปุ้ม ไกรสร แสงอนันต์” วัย 66 ปี สามีของราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” หอบหลักฐานเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ (บช.สอท.) วันนี้(29 ม.ค. 2567)
หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเพื่อลงทุนการเทรดหุ้น มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท โดยเสียรู้โอนเงินร่วมลงทุนจำนวน 8 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคมปีที่แล้ว จนถึง 17 มกราคมที่ผ่านมา โดยแก๊งมิจฉาชีพได้ใช้กลโกงทำทีติดต่อโดยการส่งข้อความมาในโทรศัพท์มือถือ โดยระบุข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างถูกต้องทำให้หลงเชื่อ ก่อนจะมีการติดต่อผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ที่ใช้ชื่อ Annop Sukhumphan ก่อนจะใช้อุบายหลอกให้ร่วมลงทุนกับการเทรดหุ้น ในแอปพลิเคชันชื่อ “JTFSE“ ก่อนจะหลอกให้โอนเงินในที่สุด โดยทำธุรกรรมไปทั้งสิ้น 8 ครั้ง โดยมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินเข้าใน 3 บัญชี รวมเงินที่เสียไปทั้งสิ้น 6,706,000บาท
ก่อนจะบล็อกแอ็กเคานต์ไลน์หายไปอย่างลอยนวล และเจ้าตัวก็ไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบการเทรดหุ้นในแอปฯ ดังกล่าวได้ จึงเดินเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่สน.บางเขน เพื่อเอาผิดกับแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง”
โดย “ปุ้ม ไกรสร” ยังเผยอีกว่าที่ผ่านมาเจ้าตัวได้ติดตามอัปเดตข่าวและระมัดระวังตัวอย่างมากในเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็ไม่คิดว่าวันนึงจะเกิดขึ้นกับตนเองและสูญเสียเงินไปมากขนาดนี้
โดย “ปุ้ม ไกรสร” ได้เปิดใจว่า “ยอมรับว่าช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองทั้งที่ติดตามข่าวเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาตลอด แต่ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีกลโกงที่แยบยล เค้าจะรู้หมดเลยว่าเราชอบอะไรอย่างเราเป็นนักลงทุนเรื่องหุ้น ลงทุนเรื่องทองคำ มาตลอดเกือบ 30 ปีเค้าก็ติดต่อเราเข้ามาว่าแนะนำหุ้นที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบรับสูงเราก็เลยเชื่อและเข้าไปร่วมลงทุน เขาใช้ชื่อของคนมีชื่อเสียงระดับด็อกเตอร์และมีจำนวนคนลงทุนให้เราเห็นอย่างชัดเจนในกรุ๊ปไลน์ เค้าทำให้เราเชื่อใจและตายใจ เค้าให้เราโอนเงินไปเรื่อย ๆ ตอนแรกเราโอนไป 100,000 บาท ก็ได้ปันผลกลับมาแต่เราไม่ได้เบิกถอน และเราก็โอนไปเรื่อย ๆ รวมทั้งทั้งสิ้น 8 ครั้ง จนเงินต้นเราเกือบ 7ล้าน รวมกับดอกเบี้ยที่ได้รับครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 9 ล้านกว่าบาท แต่พอเราถอนออกมาเค้าก็ออกกลอุบายให้เราฝากให้ครบ 10 ล้าน เราจะสามารถซื้อหุ้นตัวพิเศษที่ได้กำไรเกือบ 400 เปอร์เซ็นต์ แต่พอเราบอกว่าจะถอนเงินแล้วเค้าก็อ้างว่าต้องเสียค่าภาษี 2 แสนกว่าบาท เราก็เลยงงว่าทำไมต้องมีพอเข้าไปในระบบก็เข้าไม่ได้แล้วถึงได้รู้ว่าถูกหลอก
กับเหตุการณ์เหตุการณ์ครั้งนี้ยอมรับว่าตัวเองโลภ อยากได้เงินเยอะ ๆ ที่ออกมาพูดวันนี้ไม่ได้ต้องการให้ใครมาปลอบหรือเห็นใจ แต่อยากจะเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนได้รับรู้ว่าตอนนี้มิจฉาชีพมารูปแบบแปลกใหม่มากมาย ที่เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่มีผู้เสียหายนับ 10,000 รายต่อวันเลยทีเดียว
ส่วนเงินเกือบ 7 ล้านก้อนนี้ มันคือเงินเก็บของเรา เป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต ยอมรับว่าช็อกจนนอนไม่หลับมาหลายวัน ทุกคนในครอบครัวก็ตกใจ แต่เราไม่กล้าบอกกับน้องเพชรเพราะกลัวว่าเค้าจะเป็นห่วง แต่คิดว่ามีข่าวออกมาเค้าน่าจะรู้แล้ว ก็อยากจะฝากเตือนทุกคนจริง ๆ และตอนนี้ตกเป็นข่าว แก๊งมิจฉาชีพกลุ่มเดิมก็ยังติดต่อมาร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขนาดตอนอยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังติดต่อไลน์มาอยู่เลย เราก็เลยบอกไปว่าเราหาเงินมาได้แล้ว 15 ล้าน จะเอามาร่วมลงทุนต่อแก๊งมิจฉาชีพก็บอกว่าได้เลยรีบมาเลย ซึ่งตอนนี้เราแคปหน้าจอรวบรวมหลักฐานทุกอย่างเอาไว้แล้ว ถามว่าหวังจะได้เงินคืนไหมอันนี้ก็ยังหวัง แต่ก็คิดว่ามันคงยาก เราก็คิดว่าถ้าได้คืนก็โชคดี ถ้าไม่ได้คืนถ้าเรายังยังไม่ตายก็คงหาใหม่ได้ ก็อยากจะโดนทุกคนให้ระวังตัวด้วยนะครับ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน