จากกรณีผู้เสียหายนับ 10 ราย โร่แจ้งความ ณ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองปราบ) เอาผิดดาราสาวรายหนึ่ง หลังถูกดาราสาว เปิดสัมมนาหลอกลงทุนนำสินค้าอุปโภคบริโภคขายตะวันออกกลาง ดูไบ บาห์เรน แต่อ้างสินค้าหมดอายุ ส่งคลิปทำลายสินค้า ก่อนนำมาขายเวียน เอาเงินเข้าร้าน เข้าบริษัทตัวเอง มูลค่าความเสียหายูงถึง 50-70 ล้านบาท! ปัจจุปันไม่สามารถติดต่อดาราคนดังกล่าวได้ ทำได้เพียงติดต่อผ่านเลขาส่วนตัวและทีมงาน ซึ่งบุคคลเหล่านี้อ้างว่าไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการ ก่อนที่นักสืบโซเชียลจะออกมาให้ข้อมูลว่าดาราสาวคนในข่าวก็คือ อาย วราไพรินทร์ ที่แฟน ๆ รู้จักจากซีรีส์ สงครามนางงาม
คืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันนี้(21 ธ.ค.66) อาย วราไพรินทร์ ควงทนาย พร้อมหลักฐานครบ ชี้แจง ประเด็นดังกล่าวที่สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงเจ้าตัว โดย อาย ยืนยันว่า ตนได้มีการจัดสัมนาธุรกิจ ให้ความรู้ กลุ่มเจ้าของแบรนด์ที่มีความสนใจในการส่งสินค้าไปขายที่ตะวันออกกลาง โดยมีเงื่อนการส่งสินค้าต่าง ๆ มีความแตกต่างกันไป เช่น ส่งสินค้าไปขายในห้างคาร์ฟูที่บาร์เรนก็จะมีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่าง ๆ เพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จากที่จะต้องจ่ายจริงให้กับห้างคาร์ฟู 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนได้มีคอนแทคตรงและได้เงื่อนไขพิเศษจากห้างดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษหรือ ส่งสินค้าไปขายแค่ในชอปของไทยวราที่ประเทศบาร์เรน ก็จะมีการจัดเก็บค่าบริการและดำเนินการเพียงแค่ปีละ 2-5 หมื่นบาทเท่านั้น และยังมีบริการพิเศษหากภายใน 1 ปีสินค้ายังขายไม่หมด จะต่อสัญญาให้ฟรีโดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ แต่หากสินค้าหมดอายุก็ต้องมีการทำลายเผาทิ้งตามกฏหมายประเทศบาห์เรน ซึ่งเงื่อนไขการทำลายสินค้าก็จะมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเจ้าของแบรนด์ทุกครั้ง แต่หากไม่สามารถนำสินค้าเข้าไปขายที่ประเทศบาร์เรนได้อาจด้วยเงื่อนไขไม่ผ่านการตรวจสอบ ทางตนก็จะมีการคืนค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้
ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เข้าไปร้องเรียนที่นั้น ก็เป็นกลุ่มคนเจ้าของสินค้าที่ตนได้มีการนำส่งสินค้าไปจำหน่ายที่ประเทศบาร์เรนตามสัญญาครบถ้วน โดยมีภาพและหลักฐานการจัดจำหน่ายครบถ้วน และบางรายรอการพิจารณาของห้างบาห์เรน ทางบริษัทเลยให้ขายในชอปตนฟรี! แต่กลุ่มคนเหล่านี้มีบางคนที่ไม่พอใจเพราะสินค้าขายไม่ดีไม่เป็นที่นิยมในประเทศบาห์เรน จึงออกมาโวยวาย โพสต์สร้างความเสียหาย อยากเร่งการเงินค่าดำเนินการคืนอีกทั้งยังนำเรื่องราวไปโพสต์ หรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีต่อไป ขอยืนยันว่าตนทำงานอย่างโปร่งใส และมีสินค้าที่ตนต้องดูแลในการส่งออกที่ประเทศบาห์เรน อีกหลายร้อยแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ และเข้ามาให้กำลังใจ จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจง เพื่อความเชื่อมั่นต่อคู่สัญญาที่ขายดี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนโดนข่มขู่ตลอดจากหัวหน้าแก๊งที่ให้สัมภาษณ์ป่วนทุกหน่วยงาน และทักไปหาหลาย ๆ แบรนด์มาร่วมกับตน ไม่มาก็พูดไม่ดี และได้ไปรวมตัวลูกค้าที่เจรจาตกลงกับเราอยู่ 8 ราย ซึ่งทางตนยินดีรับผิดชอบในเคสที่รอการอนุมัติเข้าห้างไม่ไหว เพื่อคืนเงินมัดจำ แต่เคสแบรนด์กะทิไม่พอใจ ด้วยประเด็นที่ตนผิด และทางบริษัทไม่สามารถคืนเงินเข้าห้างให้ได้เพราะ สินค้าเข้าไปวางจำหน่ายแล้ว เจ้าของแบรนด์กะทิจ่ายมาแค่แสนหนึ่ง และยังไม่ได้ชำระส่วนที่ค้างต่อบริษัทเรา ทั้งที่บริษัท ให้ offer จากเราไปในฐานะลูกค้า กว่า 300,000 บาท พอเจ้าของแบรนด์กะทิรู้ว่าถูกดำเนินคดี จึงวีนเจ้าหน้าที่ตำรวจ,ทนาย,และพนักงาน,ผู้บริหารมีการข่มขู่ว่าถ้าไม่คืนเงินให้ จะออกมาทำให้เสียชื่อเสียง จะไปทุกสื่อ ทุกรายการ ทุกหน่วยงาน ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อหยุดการผลักดันสินค้าของเราต่อแบรนด์ไทยที่ร่วมงานกันอยู่ ตนจะรับผิดชอบในเคสที่ตนหรือเจ้าพนักงาน ล่าช้า หรือ ตกหล่น ที่ทำให้ได้รับความไม่สบายใจ
แต่ฝ่ายกฏหมายขอว่า…ไปตามถูกผิด ซึ่งมีการแจ้งความพร้อมดำเนินคดีไปบ้างแล้ว ต่อจากนี้เราจะไม่ทน เราจะพร้อมสู้กับบุคคลท่านนี้ และต้องขอขอบคุณนักธุรกิจคู่สัญญากับเราที่..ขายดี ในตะวันออกกลาง ที่ส่งกำลังใจมาให้ และยังเชื่อมั่นในความตั้งใจที่จะผลักดันสินค้าจริง ทำธุรกิจจริง ไม่มีการหลอกลวงใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมขออภัยในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทที่บริษัทของตนไม่สามารถทำให้ทุกแบรนด์ขายดีได้ครบทุกแบรนด์ แต่หากใครติดตลาด ตนจะกลับมาซื้อสินค้าโดยไม่ต้องฝากขาย นั่นคือความตั้งใจของตน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน