หนังคนละม้วน! เบนซ์ อดีตแฟน โต้กลับ หญิงลี แจ้งบุกรุก ทั้งที่ชวนมาอยู่บ้านด้วยในฐานะคนรัก

ดูท่าจะไม่จบง่าย ๆ ซะแล้ว สำหรับเพจดังออกมาแฉนักร้องสาวลูกทุ่งมีโลก 2 ใบ วันหนึ่งโลกใบที่ 1 และใบที่ 2 เผชิญหน้ากัน มีปากเสียงรุนแรง ถึงขั้นยังปืนจ่อหัว ทำเอาวงการลูกทุ่งสะเทือนกันไปหมด เพราะลูกทุ่งสาวเกือบทั้งวงการโดนหางเลขไปด้วย แต่ล่าสุดเย็นวานนี้(12 ธ.ค.66) หญิงลี ศรีจุมพล ยืดอกยอมรับตรง ๆ ว่าลูกทุ่งสาวโลก 2 ใบในข่าวคือตัวเองจริง ยืนยันว่าไม่ได้คบซ้อน เพราะตัดสิจใจห่างกับ “ไม้” หนุ่มคนที่คุยด้วยแล้ว ก่อนจะไปสานสัมพันธ์กับหนุ่มคนใหม่ เนื่องจากตอบคบกับ ไม้ เจอปัญหาที่ฝ่ายชายดื่ม ขับรถเร็ว ๆ จึงคุยกันตรง ๆ ว่าไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์อย่างเปิดเผยได้ หากมีใครที่ถูกใจขอเปิดใจคุย เพราะมองว่าตนเองยังไม่แต่งงาน มีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุด แต่พอคบคนใหม่ได้ 3 เดือน ก็รู้สึกได้ว่าไปต่อกันไม่ได้ วันขอจบสัมพันธ์ฝ่ายชายไม่ยอม คุกคามจน หญิงลี รู้สึกไม่ปลอดภัย นอกจากนี้หญิงลียังไปเจอแชตที่ฝ่ายชายคุยกับเพื่อนผู้หญิงว่าให้กอบโกยให้ได้เยอะที่สุด และกล้องวิดีโอหลายตัวมูลค่า 4 แสนกว่าบาทก็หายไป ส่วนประเด็นที่ว่า ไม้ อดีตคนรัก เอาปืนจ่อหัวหนุ่มคนที่คุกคาม หญิงลีบอกไม่เป็นความจริง และตอนนี้ หญิงลี ก็กลับไปปรับความเข้าใจและสานสัมพันธ์ต่อกับ ไม้ เพราะรู้สึกปลอดภัย เหมือนได้เจอรักแท้ ขอใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เชื่อสิ่งที่เจอชื่อธรรมะจัดสรรค์ ชีวิตถูกลิขิตให้เป็นแบบนี้


ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เบนซ์ อดีตแฟนหนุ่มที่หญิงลีอ้างว่าเป็นหนุ่มที่คุกคามความปลอดภัย เปิดใจพร้อมเปิดหน้าโต้กลับ หญิงลี แบบหนังคนละม้วน ผ่านรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า “ขอเปิดหน้าพูด เพราะผมบริสุทธิ์ใจ และมันไม่ได้เป็นอย่างที่หญิงลีพูดเลย ผมไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง ผมจะพูดความจริง เพราะก่อนหน้านี้นักข่าวหลายสำนักติดต่อผมมา ผมไม่เคยออกมาพูดเลย และไม่อยากพุดอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อวานนี้ฝ่ายหญิงออกมาพูดก่อน มีสิ่งที่พาดพิงผมเยอะแยะมากมาย ผมเองรู้สึกไม่ดีเลย และทำให้คนรอบข้าง รวมถึงคนที่รู้จักผม มองผมในแง่ลบ คุณตาคุณยายของผมนอนไม่ไม่ได้เลย จริง ๆ ผมไม่อยากเปิดเผยทางสื่อเลย ไม่อยากจะออกมาพูดอะไรอีกเลย หากจะทำทำไปตั้งนานแล้ว แต่ผมเลือกไม่ให้ข้อมูลกับใครเลย แต่วันนี้ครอบครัวของผมเห็นผมถูกหมายเรียกจากตำรวจ ทำให้แม่ ตา ยาย นอนไม่หลับ หญิงลีออกมาพูดแบบนี้อีก เหมือนเป็นการไปทับถม

“เบนซ์ ยังบอกอีกว่า “ผมรู้จักกับหญิงลีมา 3 ปีแล้ว ผมทำอาชีพฟรีแลนซ์ รับถ่ายภาพในวันนั้น จากนั้นระยะเวลาผ่านมาไม่ได้เจอกันอีกเลย หลังจากรู้จักกันมา 3 ปีก่อน ต่อมาช่วงปีที่แล้วผมไปเก็บภาพคอนเสิร์ต บรรยากาศงาน ไปเจอฝ่ายหญิงลี ยกมือสวัสดีเขา จากนั้นตัวเขาเองให้ผู้จัดการมาบอกว่าให้ไปรอหลังเวทีนะ หลังฝ่ายหญิงถ่ายภาพกับแฟนคลับเสร็จแล้ว ผู้หญิงคนนี้เดินมากอดผม กอดอยู่สักพัก จนผู้จัดการมาสะกิดบอกว่ามันดูไม่ดีแล้วนะ เขาจึงบอกให้ผู้จัดการมาขอเบอร์และขอไลน์ผมเอาไว้ ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าเผื่อมีงาน มีคอนเนคชันอะไร ผมก็เลยให้เบอร์และไลน์กับฝั่งผู้จัดการของหญิงลีไป วันรุ่งขึ้นฝ่ายหญิงมีการทักแชตไลน์มาสอบถามว่าผมทำงานอะไร ทำอาชีพอะไร ทำอาชีพอะไร ผมก็เล่าให้ฟัง จากนั้นเขาก็ถามผมว่าเงินพอใช้ไหม ผมก็บอกไปว่า “พอที่จะประคองตัวได้ครับ” จากนั้นเขาโอนเงินมาให้ผม 5,000 บาท หลังจากวันนั้นเขาติดต่อให้ผมไปหาเพื่อจะคุยงาน เนื่องจากเขาต้องขึ้นคอนเสิร์ต พองานจบเขาชวนผมไปทานข้าว ผมเองก็เอะใจว่าทำไมเขาถึงชวนผมไปทานข้าว แต่ผมก็ไป จากนั้นก็พูดคุยกันมากขึ้น ต่างคนต่างมีใจให้กันและฝ่ายหญิงบอกว่าตามหาคนแบบผมมานานแล้ว การที่เราได้มาเจอกันถือว่าเป็นพรหมลิขิต จากนั้น 2-3 วัน ฝ่ายหญิงชวนผมให้ไปอยู่ที่บ้านกับฝ่ายหญิงไหม ในฐานะคนรัก แต่ช่วยเหลือในการทำงานให้ด้วย โดยให้ผมดูแลในเรื่องของการขับรถให้ ดูแลเรื่องที่พัก รวมถึงการเดินทางไปคอนเสิร์ต ฝ่ายหญิงให้เงินเดือนผม 20000 บาท ซึ่งคนในบ้านรวมถึงทีมงานรับรู้ความสัมพันธ์ของผมกับฝ่ายหญิงทั้งหมด ตอนนั้นผมรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงเคยมีคนคุยมาก่อน ซึ่งผมเองก็ได้มีการสอบถามจากฝ่ายหญิงแล้วว่าฝ่ายผู้ชายคนอื่นที่คบหากันคืออะไร ฝ่ายหญิงบอกว่าจบไปแล้ว เคลียร์ไปแล้ว ผมจึงมั่นใจว่าจะเข้าไปอยู่ในบ้านของเขาโดยที่ไม่ต้องปิดบังอะไร ผมก็ไปอยู่”

“จากนั้นคบหาดูใจกันพักหญิง ฝ่ายหญิงเดินทางไปที่รีสอร์ตบ่อยมาก ผมจึงเกิดความสงสัยว่าทำไมต้องไปรีสอร์ตที่บุรีรัมย์บ่อยมาก ฝ่ายหญิงบอกอ๋อไปเคลียร์ปัญหากับคนเก่า สาเหตุที่ไปเพราะเรื่องของการทำงาน ซึ่งตอนนั้นผมยอมรับว่าผมหึงหวงจริง ๆ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน จากนั้นก็ทะเลาะกันมาตลอด หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บินกลับมากรุงเทพ ผมไปรอรับเขา แต่ฝ่ายหญิงบอกว่าวันนี้เราไม่เข้าบ้านดีกว่าไหม ไปนอนที่บ้านของคนสนิทของเขา ผมเองก็ไปนอนที่บ้านของคนสนิทได้ 1 คืน ตื่นเช้ามาฝ่ายหญิงทำท่ากังวลใจ ผมก็เลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร วันรุ่งขึ้นเขามีการคุยโทรศัพท์ในห้องนานถึง 2 ชั่วโมง ผมก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไร จากนั้นเขาเดินออกมาหน้าตาตื่นแล้วบอกว่าผู้ชายคนหนึ่งจะเข้ามานะ ค่อย ๆ คุยนะ ใจเย็น ๆ ผมก็บอกว่าผมไม่อยากจะมีปัญหา คุณบอกว่าคุณเคลียร์ไปแล้ว คุณก็ต้องไปคุยเอง หลังจากนั้นฝ่ายชายมาถึงบ้านซึ่งก็คือไม้ ตนเองก็อยู่ในบ้านด้วย เลยมีปากเสียง ปะทะคารมกัน ฝ่ายชายมาบอกว่ามึงจะหยุดไหม ถ้าไม่หยุดกูจะหยุดมึงเอง แล้วก็ชักปืนขึ้นมาจ่อที่หัวผม หลังจากนั้นเจ้าของบ้านโทรศัพท์ไปหาตำรวจ พอตำรวจมาฝ่ายชายเอาปืนไปแอบบนบ้าน พอตำรวจไปค้นก็พบปืนพร้อมกระสุนเต็มแม็ก สาเหตุที่ไม่ดำเนินคดีเพราะฝ่ายหญิงขอร้องเอาไว้ หลังจากนั้นผมก็จับได้ว่าฝ่ายหญิงไปคุยกับผู้ชายคนเก่าในทำนองว่าให้ฝ่ายชายรอ กำลังเคลียร์กับผมอยู่ ในสิ่งที่ฝ่ายหญิงคุยกับผมก็คือเคลียร์กับฝ่ายชายไปแล้ว ทำให้ผมรับไม่ได้ และตกลงกันว่าผมจะออกจากบ้านไป วันที่ 19 เม.ย.66แต่สุดท้ายผมอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้ เพราะรู้สึกเสียใจและอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันที่ 16 เม.ย.66 ฝ่ายหญิงเข้ามาถามผมว่าทำไมผมรีบไป ทำไมไม่อยู่เก็บเกี่ยวความสุขกันก่อน แต่ผมบอกว่าไม่แล้ว ไม่รู้สึกอึดอัด หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บอกให้ผมเอาโทรศัพท์ของผมไปให้เขา ซึ่งผมไม่ยอมให้ ฝ่ายหญิงจึงเรียกคนในบ้านออกมา ผมเห็นว่าไม่ปลอดภัย เลยหยิบโทรศัพท์มือถือมาไลฟ์เอาไว้ แต่ไม่ได้ต้องการจะแฉอะไร มันเป็นการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ได้เป็นสาธารณะ ยืนยันที่ทำไปเพราะต้องการจะปกป้องตัวเอง เพราะฝ่ายหญิงเรียกคนมาหลายคน กลัวจะไม่ปลอดภัย ขณะเดียวกันเขาก็ให้คนในบ้าน 2 คนมาทำร้ายผม มาทุบผมที่ท้ายทอยแล้วหย่งโทรศัพท์มือถือไป จากนั้นฝ่ายหญิงไปแจ้งความผมในข้อหาว่าผมบุกรุกบ้านเขา ทั้ง ๆ ที่ผมเองพยาบามจะออกมา แต่ฝ่ายหญิงแจ้งว่าบุกรุก แล้วผมอยู่บ้านนั้นมาตั้งหลายเดือน

ส่วนเรื่องกล้องที่หายไปแล้วฝ่ายหญิงบอกว่าผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้ แสดงว่าผมต้องเป็นคนขโมย เบนซ์ บอกว่าฝ่ายหญิงนั่นแหละที่เป็นฝ่ายบอกผมว่ากล้องวิดีโอทั้งหลาย ถ้าเกิดไม่ได้ใช้งาน สามารถเอาไปปล่อยเช่าหารายได้เสริมได้เลยนะ ซึ่งบางทีผมก็เอาไปปล่อยเช่า แต่สาเหตุที่กล้องหายไป ผมไม่ทราบจริง ๆ ยืนยันว่าผมไม่ได้เอาไป ก่อนหน้านั้นผมได้บอกกับฝ่ายหญิงแล้วว่า “กล้องหายแบบนี้ไปแจ้งความเลยนะ ยังไงต้องแจ้งความ เพราะคนในบ้านเดินเข้าออกหลายต่อหลายคน ไม่รู้ใครเป็นคนเอาไป ขอให้ไปแจ้งความเอาไว้ก่อน” เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวใครมีกุญแจก็สามารถเข้าออกได้ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมไปแจ้ง แต่เวลามีปัญหากันกลับมาบอกว่าผมเป็นคนเอากล้องไป ถ้าหญิงลีมีหลักฐานว่าผมเอากล้องไป มาจับผมได้เลย ผมยินดีให้จับ ส่วนเรื่องของแชต ผมยอมรับว่ามีการคุยแชตกับอดีตคนที่ผมเคยคุยจริง และเมื่อหญิงลีรู้ จึงโทรไปหาอดีตคนเคยคุยหรือแฟนเก่าของผม และบอกให้คนเคยคุยของผมเลิกติดต่อผมซะ ซึ่งในแชตอันนั้นอดีตคนเคยคุยตอบกลับมาเหมือนเป็นการโมโหประชดประชันผมว่าผมเป็นแมงดา ชอบกอบโกยฝ่ายหญิงใช่ไหม อยากจะกอบโกยได้ก็กอบโกยไป เบนซ์ ยอมรับว่าตนเอง แม่ ตา ยาย มีความเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่รู้จะหาทางออกยังไง” เรื่องนี้จะจบยังไง คงต้องตามต่อกันยาว ๆ ขอบคุณภาพและข้อมูลจากรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 2,272 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม